1. สภาพปัญหา
โรงเรียนวัดพลมานีย์
มีพื้นที่ 5 ไร่ 1 งาน พื้นที่ด้านทิศใต้ติดกับวัดพลมานีย์ ด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกติดกับถนนประชาพัฒนา
ด้านทิศเหนือไหล่ทางของถนนมีพื้นที่สำหรับสัญจรค่อนข้างจำกัด
ลักษณะทางกายภาพเดิมเป็นที่ลุ่มในฤดูฝนมักมีน้ำท่วมขัง
เมื่อระยะเวลาผ่านไปทำให้เกิดการทรุดตัวของพื้นที่บริเวณรอบๆ
อาคารเกิดเป็นจุดเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
และมีปัญหาต่อสุขภาพเสี่ยงต่อการเกิดไข้เลือดออก
ประกอบกับชุมชนใกล้โรงเรียนมีการระบาดของยาเสพติด
โรงเรียนจึงหาวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
จึงหาวิธีการและแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สถานศึกษาปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี
2. วัตถุประสงค์ของวิธีหรือแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ
1.
เพื่อให้ผู้เรียน
และบุคลากรมีความรู้ความเข้าใจตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลตนเองให้ปลอดภัยและมีสุขภาพอนามัยที่ดี
2.
เพื่อให้ผู้เรียน และบุคลากรรู้จักวิธีการป้องกันตนเอง
และสามารถดูแลช่วยเหลือผู้อื่น ให้
ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และส่งเสริมสุขภาพอนามัยของตนเองและผู้อื่นได้
3.
เพื่อให้ผู้เรียนและบุคลากรมีสุขภาพอนามัยที่ดี
4.
เพื่อให้โรงเรียนปลอดภัยจากสารเสพติด และความเสี่ยงต่างๆ
ในสภาพสังคมที่มีความเสี่ยง
3. เป้าหมาย
ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ
คณะครูบุคลากรโรงเรียนวัดพลมานีย์
จำนวน 78 คน และนักเรียนโรงเรียนวัดพลมานีย์ จำนวน 1,180 คน
ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ
1. คณะครู บุคลากร
และผู้เรียนในโรงเรียนวัดพลมานีย์มีระเบียบวินัยเกิดความปลอดภัยทั้งชีวิต และทรัพย์สิน
อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
2.
โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมปลอดภัย ปลอดจากสารเสพติด มีสุขภาพอนามัยที่ดี
4.
ลำดับขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมพัฒนา Flow Chart (แผนภูมิ) ของวิธีหรือแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ
การพัฒนารูปแบบสถานศึกษาปลอดภัย และสุขภาพอนามัยดี ได้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ ประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง คณะครู บุคลากร นักเรียนโรงเรียนวัดพลมานีย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สถานีดับเพลิงลาดกระบัง , กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน , บริษัท ซี พี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (ศูนย์กระจายสินค้า ลาดกระบัง) , สถานีตำรวจนครบาลจระเข้น้อย , ศูนย์บริการสาธารณสุข 46 กันตารัติอุทิศ โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น ๖ ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ประชุมคณะกรรมการร่วมคิด
ศึกษาบริบท สภาพปัญหาของโรงเรียน วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการในการพัฒนา
เพื่อวางแผนการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของโรงเรียนและสุขภาพอนามัยที่ดีของผู้เรียนให้สอดคล้องกับนโยบายด้านความปลอดภัยของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
ขั้นที่
2 พิจารณาทางเลือกในการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยที่เหมาะสม
สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง
ผู้อำนวยการสถานศึกษาประกาศนโยบายโรงเรียนปลอดภัยให้ครู บุคลากร
และผู้เรียนได้ทราบ โดยประเด็นสถานศึกษาปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี
จะครอบคลุมในเรื่องของสภาพแวดล้อมของโรงเรียน การส่งเสริมสุขภาพอนามัยของผู้เรียน
การป้องกันปัญหายาเสพติด
ขั้นที่ 3 รับอาสาสมัครกิจกรรมรักษ์ความปลอดภัยจากผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
5-6 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตลอดปีการศึกษา
อบรมให้ความรู้ด้านความปลอดภัยจากหน่วยงานภายนอก
ได้แก่ การอพยพหนีไฟ
การตรวจสอบถังดับเพลิง อาสาจราจร
การให้ความรู้เกี่ยวกับยาและสารเสพติด การอบรมให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพอนามัย
การตรวจสุขภาพผู้เรียน
ขั้นที่ 4 ดำเนินการจัดสภาพแวดล้อมของโรงเรียนให้ปลอดภัย
ไม่มีจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัย และปลอดสารเสพติด
ขั้นที่ 5 ประเมินผล โดยใช้กระบวนการ ตรวจสอบ ทบทวน ติดตามการทำงานอย่างสม่ำเสมอ
ขั้นที่ 6 ขยายผลและเผยแพร่ผลงาน
1. ผู้เรียน จำนวนร้อยละ 100 มีความปลอดภัยจากสารเสพติด และความเสี่ยงต่าง ๆ
ในสภาพสังคมที่มีความเสี่ยง มีสุขภาพอนามัยที่ดี
2. ครูและบุคลากร จำนวนร้อยละ 100
มีความรู้ความสามารถและทักษะในการดูแลความปลอดภัยให้กับผู้เรียน
3. ครู บุคลากร และผู้เรียน จำนวนร้อยละ 9๘.00 มีส่วนร่วมและได้รับความรู้
ในการดูแลตนเองให้ปลอดภัย และรู้จักวิธีการป้องกันตนเอง
และสามารถดูแลช่วยเหลือผู้อื่น ให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ
และรักษาสุขภาพอนามัยของตนเองและผู้อื่นได้
4.
สถานศึกษาให้บริการทางการศึกษาแก่ผู้เรียนโดยเน้นให้ผู้เรียนทุกคนมีความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยที่ดี
5. สถานศึกษาได้รับการยอมรับ
และได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง ชุมชน
และหน่วยงานต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาความปลอดภัยในโรงเรียน