สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร
Department of Education
การพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนได้
โรงเรียนคลองสอง
กระบวนการพัฒนา

ความเป็นมาและบริบทของโรงเรียน

             สืบเนื่องจากการประเมินการอ่านของนักเรียนประจำเดือนพบว่ามีนักเรียนเป็นจำนวนมากมีปัญหาด้านการอ่านและการเขียน นักเรียนบางคนอ่านหนังสือไม่คล่อง บางคนอ่านหนังสือไม่ออก และเมื่อทดสอบการเขียนพบว่าบางคนเขียนหนังสือไม่ค่อยได้ และเขียนไม่ถูก ซึ่งการอ่านและการเขียนไม่ได้ของนักเรียนจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาในการเรียนของนักเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และยังส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนด้วย ทางโรงเรียนตระหนักและเห็นความสำคัญในการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนทุกคน จึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนทุกระดับชั้น ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนทุกคนมีความสามารถด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน และคิดได้อย่างมีประสิทธภาพ และใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนเรียนรู้อื่นอย่างมีคุณภาพอีกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อพัฒนาให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่อง และเขียนคล่อง

2. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้

3. เพื่อส่งเสริมให้คณะครูจัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนอย่างเป็นระบบ

4. เพื่อพัฒนาครูให้ใช้สื่อในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้และอ่านคล่องเขียนคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ

กระบวนการและขั้นตอนการดำเนินงาน กิจกรรม/วิธีการ/ขั้นตอนที่สำคัญ 1. คัดกรอง /แบ่งกลุ่มนักเรียน 2. วางแผน/กำหนดกิจกรรมรายกลุ่มที่คัดกรอง 3. ดำเนินการแก้ปัญหาและพัฒนาการอ่าน 4. ประเมินผลการอ่าน การเขียนของนักเรียน 5. รวบรวมสรุปผล 6. พัฒนา แก้ไข / ปรับปรุง กิจกรรมการดำเนินงานแก้ปัญหาและพัฒนาการอ่านการเขียนของนักเรียน ( ครูประจำชั้น / ครูผู้สอนวิชาภาษาไทย/ ครูทุกคน ) (P:ขั้นวางแผน) กระบวนการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนดังนี้ 1. วิเคราะห์สภาพปัจจุบันปัญหาของนักเรียนที่มีปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เช่น นักเรียนขาดทักษะพื้นฐานการอ่านการเขียนทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน นักเรียนมีสมาธิในการเรียนรู้สั้น การจัดการเรียนการสอนไม่สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของสมองของเด็ก (BBL) เป็นต้น 2. ประชุมสร้างความตระหนักให้กับบุคลากรและผู้ปกครอง ให้เห็นความสำคัญของภาษาไทย แม้ครูที่สอนสาระการเรียนรู้อื่น โดยเป็นแบบอย่างที่ดีและร่วมกันส่งเสริมการใช้ภาษาไทยของนักเรียน 3. ผู้บริหารสถานศึกษาส่งเสริมบุคลากรในการสร้างนวัตกรรมที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียนและนิเทศ ติดตามให้ทุกคนนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน 4. มอบหมายให้ครูทุกท่านรับผิดชอบนักเรียนตามจำนวนที่ได้รับมอบหมายเพื่อดำเนินการพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนทุกวัน 5. ผู้บริหารสถานศึกษาดำเนินการควบคุม กำกับและติดตามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยให้ครูประจำชั้นส่งรายงานการพัฒนาการออ่านและการเขียนให้กับผู้บริหารสถานศึกษาทุกวันสิ้นเดือน (D: ขั้นดำเนินงาน) ดำเนินการพัฒนาการอ่าน การเขียน ตามกิจกรรมตามที่กำหนดตลอดปีการศึกษา กิจกรรมที่ 1 แบ่งกลุ่มนักเรียนที่คัดกรองออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่อ่านไม่ได้( กลุ่มนักเรียนเรียนร่วม) กลุ่ม ที่อ่านไม่คล่อง และกลุ่มปานกลาง ประชุมคณะครู มอบหมายการสอนทักษะการอ่านโดยใช้สื่อ นวัตกรรมแบบฝึก กระบวนการ เทคนิคที่หลากหลาย แบ่งให้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 3-5 คน ใช้เวลาตอนพักกลางวัน 12.00 น. ถึง 12.30 น.ทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ ที่ห้องประชุมจามจุรี กิจกรรมที่ 2 ครูประจำชั้น ฝึกทักษะการอ่าน เขียน ในชั่วโมงภาษาไทยเพิ่มกับเด็กเป็นรายบุคคล กิจกรรมที่ 3 ส่งเสริมกิจกรรมรักการอ่าน 3.1 จัดมุมรักการอ่านในห้องเรียน 3.2 กิจกรรมอ่านก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ 3.3 กิจกรรม 10 นาทียามเช้า สร้างลูกรักการอ่าน (ตาม นโยบาย กทม. ) 3.4 กิจกรรมภาษาไทยวันละคำ 3.5 กิจกรรมบันทึกรักการอ่าน (C: ขั้นติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล) ประเมินผลการอ่านการเขียนของนักเรียน เพื่อดูพัฒนาการ การอ่านและการเขียนของนักเรียน กิจกรรมที่ 1 การวัดและประเมินผล โดยจัดให้มีการทดสอบการอ่าน การเขียน เดือนละ 1 ครั้ง - พัฒนาการของนักเรียน ( ดูจากแบบบันทึกความก้าวหน้า ) - แบบสรุปพัฒนาการของนักเรียน - แบบบันทึกการการอ่าน / การเขียนของนักเรียน - ผลสัมฤทธิ์ การเรียนภาษาไทยและกลุ่มสาระ อื่น ๆของนักเรียน - รายงานผลสรุปผลการดำเนินการต่อผู้บริหาร

ความเป็นมาและบริบทของโรงเรียน


 สืบเนื่องจากการประเมินการอ่านของนักเรียนประจำเดือนพบว่ามีนักเรียนเป็นจำนวนมากมีปัญหาด้านการอ่านและการเขียน นักเรียนบางคนอ่านหนังสือไม่คล่อง บางคนอ่านหนังสือไม่ออก และเมื่อทดสอบการเขียนพบว่าบางคนเขียนหนังสือไม่ค่อยได้ และเขียนไม่ถูก ซึ่งการอ่านและการเขียนไม่ได้ของนักเรียนจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาในการเรียนของนักเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้  และยังส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนด้วย


           ทางโรงเรียนตระหนักและเห็นความสำคัญในการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนทุกคน จึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนทุกระดับชั้น  ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนทุกคนมีความสามารถด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน และคิดได้อย่างมีประสิทธภาพ และใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนเรียนรู้อื่นอย่างมีคุณภาพอีกด้วย  โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

        1. เพื่อพัฒนาให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่อง และเขียนคล่อง

        2. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้

        3. เพื่อส่งเสริมให้คณะครูจัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนอย่างเป็นระบบ

        4. เพื่อพัฒนาครูให้ใช้สื่อในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้และอ่านคล่องเขียนคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ


กระบวนการและขั้นตอนการดำเนินงาน


กิจกรรม/วิธีการ/ขั้นตอนที่สำคัญ  


1.       คัดกรอง /แบ่งกลุ่มนักเรียน

2.       วางแผน/กำหนดกิจกรรมรายกลุ่มที่คัดกรอง

3.       ดำเนินการแก้ปัญหาและพัฒนาการอ่าน

4.       ประเมินผลการอ่าน การเขียนของนักเรียน

5.       รวบรวมสรุปผล

6.       พัฒนา  แก้ไข /  ปรับปรุง


กิจกรรมการดำเนินงานแก้ปัญหาและพัฒนาการอ่านการเขียนของนักเรียน ( ครูประจำชั้น / ครูผู้สอนวิชาภาษาไทย/ ครูทุกคน )


(P:ขั้นวางแผน)


กระบวนการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนดังนี้

    1. วิเคราะห์สภาพปัจจุบันปัญหาของนักเรียนที่มีปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เช่น นักเรียนขาดทักษะพื้นฐานการอ่านการเขียนทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน นักเรียนมีสมาธิในการเรียนรู้สั้น การจัดการเรียนการสอนไม่สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของสมองของเด็ก (BBL)  เป็นต้น

     2. ประชุมสร้างความตระหนักให้กับบุคลากรและผู้ปกครอง ให้เห็นความสำคัญของภาษาไทย แม้ครูที่สอนสาระการเรียนรู้อื่น โดยเป็นแบบอย่างที่ดีและร่วมกันส่งเสริมการใช้ภาษาไทยของนักเรียน

      3. ผู้บริหารสถานศึกษาส่งเสริมบุคลากรในการสร้างนวัตกรรมที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียนและนิเทศ ติดตามให้ทุกคนนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

      4. มอบหมายให้ครูทุกท่านรับผิดชอบนักเรียนตามจำนวนที่ได้รับมอบหมายเพื่อดำเนินการพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนทุกวัน

   5. ผู้บริหารสถานศึกษาดำเนินการควบคุม กำกับและติดตามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยให้ครูประจำชั้นส่งรายงานการพัฒนาการออ่านและการเขียนให้กับผู้บริหารสถานศึกษาทุกวันสิ้นเดือน


(D: ขั้นดำเนินงาน)


ดำเนินการพัฒนาการอ่าน การเขียน   ตามกิจกรรมตามที่กำหนดตลอดปีการศึกษา


กิจกรรมที่  1  แบ่งกลุ่มนักเรียนที่คัดกรองออกเป็น 3 กลุ่ม  กลุ่มที่อ่านไม่ได้( กลุ่มนักเรียนเรียนร่วม)


กลุ่ม ที่อ่านไม่คล่อง   และกลุ่มปานกลาง        ประชุมคณะครู มอบหมายการสอนทักษะการอ่านโดยใช้สื่อ นวัตกรรมแบบฝึก    กระบวนการ เทคนิคที่หลากหลาย แบ่งให้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 3-5 คน  ใช้เวลาตอนพักกลางวัน 12.00 น. ถึง 12.30 น.ทุกวัน จันทร์  - ศุกร์  ที่ห้องประชุมจามจุรี


กิจกรรมที่  2   ครูประจำชั้น ฝึกทักษะการอ่าน เขียน ในชั่วโมงภาษาไทยเพิ่มกับเด็กเป็นรายบุคคล


กิจกรรมที่  3   ส่งเสริมกิจกรรมรักการอ่าน

                    3.1  จัดมุมรักการอ่านในห้องเรียน

                    3.2  กิจกรรมอ่านก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ

                    3.3  กิจกรรม  10 นาทียามเช้า สร้างลูกรักการอ่าน  (ตาม นโยบาย กทม. )

                    3.4  กิจกรรมภาษาไทยวันละคำ

                    3.5  กิจกรรมบันทึกรักการอ่าน


(C: ขั้นติดตาม  ตรวจสอบ ประเมินผล)


ประเมินผลการอ่านการเขียนของนักเรียน   เพื่อดูพัฒนาการ การอ่านและการเขียนของนักเรียน


กิจกรรมที่ 1   การวัดและประเมินผล โดยจัดให้มีการทดสอบการอ่าน การเขียน เดือนละ 1 ครั้ง                  


-           พัฒนาการของนักเรียน ( ดูจากแบบบันทึกความก้าวหน้า )

-           แบบสรุปพัฒนาการของนักเรียน

-          แบบบันทึกการการอ่าน / การเขียนของนักเรียน    

-          ผลสัมฤทธิ์ การเรียนภาษาไทยและกลุ่มสาระ อื่น ๆของนักเรียน

-          รายงานผลสรุปผลการดำเนินการต่อผู้บริหาร


ผลจากการปฏิบัติ

ผลจากการปฏิบัติ

(A: ขั้นพัฒนา แก้ไข /  ปรับปรุง)

นำผลการประเมินมาปรับปรุงแก้ไข โดยตรวจสอบกิจกรรมที่ควรปรับปรุง  และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

ได้แก่  ปรับวิธีการที่ให้พ่อแม่ช่วยเหลือการเรียนของลูก  / จัดให้มีกิจกรรมพี่ช่วยน้องในปีต่อไป ดังนี้

1.  นักเรียนมีทักษะการอ่านออก เขียนได้ และอ่านคล่อง เขียนคล่อง เด็กมีความสนใจในการเรียนทำให้ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระของนักเรียนเพิ่มขึ้น ครูมีความกระตือรือร้น แสวงหานวัตกรรม ส่งเสริมใช้สื่อ จัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่านออก เขียนได้ทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

2.  ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียนสูงขึ้น

          3.  คณะครูจัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ของนักเรียนอย่างเป็นระบบ 

          4.  ครูมีสื่อในการจัดกิจกรรมส่งเสริมอ่านออกเขียนได้และอ่านเขียนคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ