๑.
วิเคราะห์สภาพปัจจุบันปัญหาของนักเรียนที่มีปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เช่น
นักเรียนขาดทักษะพื้นฐานการอ่านการเขียนทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน นักเรียนมีสมาธิในการเรียนรู้สั้น
การจัดการเรียนการสอนไม่สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของสมองของเด็ก (BBL) เป็นต้น
๒.
ประชุมสร้างความตระหนักให้กับบุคลากรและผู้ปกครอง ให้เห็นความสำคัญของภาษาไทย
แม้ครูที่สอนสาระการเรียนรู้อื่น
โดยเป็นแบบอย่างที่ดีและร่วมกันส่งเสริมการใช้ภาษาไทยของนักเรียน
๓.
ผู้บริหารสถานศึกษาสร้างนวัตกรรมที่ส่งเสริมนิสัยรักการอ่านทั้งที่โรงเรียนและที่บ้านและนำเสนอให้บุคลากรรวมทั้งนักเรียนทุกคนนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
๔.
ดำเนินการตามวัตถุประสงค์โดยมอบหมายให้ครูประจำชั้นดำเนินการปลูกฝังให้นักเรียนมีนิสัย
รักการอ่าน
๕. ผู้บริหารสถานศึกษาดำเนินการควบคุม
กำกับและติดตามอย่างจริงจังและต่อเนื่องรักการอ่าน
ที่โรงเรียน ในกิจกรรมที่ชื่อว่า “
หยุดทุกงานอ่านทุกคน” โดยให้นักเรียนอ่านหนังสือทุกคน และรับสมัคร
จิตอาสาที่อ่านหนังสือคล่องพาเพื่อนหรือน้องที่อ่านหนังสือไม่คล่องอ่านทุกวันตอนเช้า
และในช่วงของการพักกลางวัน
ในส่วนของการส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการอ่านการเขียนภาษาไทยของนักเรียน
ทางโรงเรียนได้มอบ
ใบกิจกรรมรักการอ่านให้กับนักเรียนกลับไปปฏิบัติที่บ้าน
เมื่อนักเรียนกลับไปบ้านก่อนนอนต้องอ่านหนังสือให้ผู้ปกครองฟัง
และผู้ปกครองต้องลงลายมือชื่อเพื่อลงความเห็นว่าผลการอ่านของลูกหลานเป็นเช่นไร
กิจกรรมนี้นอกจากจะทำให้นักเรียนมีทักษะด้านการอ่านการเขียนภาษาไทยที่ดีแล้ว
ยังเป็นการสร้างความรักความผูกพันและความอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัวอีกด้วยและสามารถพัฒนาเป็นครอบครัวรักการอ่านได้ในที่สุด
๖.
ทางโรงเรียนดำเนินการให้มีกิจกรรมและโครงการทีสอดคล้องและเน้นการอ่านที่หลากหลาย
เพื่อประเมินผลการดำเนินงานและนำไปพัฒนาเพื่อดำเนินการอย่างเข้มแข็งต่อเนื่องและยั่งยืน
๑. ความสามารถด้านการอ่านการเขียนภาษาไทยของนักเรียนดีขึ้น
จำนวนนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้มีจำนวนลดลง
บางห้องไม่มีนักเรียนที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
๒.
การเขียนลายมือของนักเรียนเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามขึ้น
๓. ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนภาษาไทยและให้ความร่วมมือกับโรงเรียนดีขึ้น
๔. สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง
อบอุ่นและเป็นครอบครัวรักการอ่าน
๕.
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้มีการพัฒนาและสูงขึ้น
๖. นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน
ใฝ่รู้ใฝ่เรียน สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยใช้สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย
๗. ผู้ปกครองให้ความมั่นใจ
พึงพอใจในการจัดการศึกษาของโรงเรียนจึงได้นำลูกหลานมาเข้าเรียนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
๘.
คณะครูและบุคลากรจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างหลากหลายตรงตามความสนใจของผู้เรียน
มีคะแนนจากการทดสอบ
O-NET สอบผ่านระดับประเทศในสาระการเรียนรู้ภาษาไทยความคาดหวัง
ในปีการศึกษาต่อๆ
ไปนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ อ่านออก เขียนได้ ลายมือดี ร้อยละ ๑๐๐ และผู้ปกครองทุกครอบครัวเป็นครอบครัวรักการอ่านอย่างยั่งยืน