๑. จัดเตรียมแบบฝึกการอ่านเพื่อคัดกรองการอ่านของนักเรียนทุกระดับชั้น
๒. ดำเนินการทดสอบการอ่านเพื่อคัดกรองนักเรียนที่มีปัญหาทางการอ่านจากคุณครูประจำชั้น
๓. รวบรวมผลการคัดกรองนักเรียนที่มีปัญหาทางการอ่านจากคุณครูประจำชั้น
๔. ประชุมครูเพื่อทำความเข้าใจการทำกิจกรรม และแจ้งรายชื่อและจำนวนนักเรียนที่มีปัญหาทางการ อ่านให้ครูทุกคนทราบ
๕. จัดกลุ่มนักเรียนที่มีปัญหาทางการอ่านให้แก่พ่อครู แม่ครู จำนวน ๘ กลุ่ม เท่า ๆ กัน โดยพ่อครู แม่ครู ได้มาจากครูทุกคนในโรงเรียน จำนวน ๘ คน พ่อครู แม่ครู แต่ละคนจะมีหน้าที่ในการสอนนักเรียนอ่าน หนังสือในช่วงเวลาที่กำหนด พ่อครู แม่ครู แต่ละคนจะมีนักเรียนที่รับผิดชอบตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ ประมาณ ๔ – ๖ คน โดยนักเรียนที่มีปัญหาทางการอ่านแต่ละชั้นจะมีครูประจำชั้นเป็นพ่อครูแม่ครู ชั้นละ ๑ คน สำหรับระดับชั้นที่มีนักเรียนที่มีปัญหาทางการอ่านเป็นจำนวนมาก ก็จะมีครูพิเศษ จำนวน ๒ คน เป็นพ่อ ครู แม่ครู ในระดับชั้นนั้นเพิ่มเติม
๖. กำหนดวัน เวลา เพื่อให้นักเรียนได้พบพ่อครู แม่ครู
๗. จัดทำและเตรียมเอกสารต่าง ๆ เช่น แบบฝึกการอ่านเพื่อใช้สำหรับสอนอ่าน แบบบันทึกการอ่าน และแบบบันทึกเวลาเรียน ให้แก่พ่อครู แม่ครู
๘. จัดทำหนังสือถึงผู้ปกครองเพื่อขอความร่วมมือในการให้นักเรียนฝึกอ่านหนังสือกับพ่อครู แม่ครู ในช่วงเช้า พักกลางวัน และหลังเลิกเรียน
๙. รวบรวมผลการฝึกอ่านและบันทึกการเข้าเรียนเพื่อฝึกอ่านของนักเรียนจากพ่อครู แม่ครู เพื่อนำ ข้อมูลเสนอต่อผู้บริหารเป็นประจำทุกเดือน
๑๐. ประชุมพ่อครู แม่ครู เพื่อร่วมกันคัดเลือกนักเรียนที่มีพัฒนาการทางการอ่าน และนักเรียนที่ฝึกอ่าน
กับพ่อครูแม่ครูอย่างสม่ำเสมอเพื่อรับมอบเกียรติบัตรจากผู้บริหารเมื่อสิ้นปีการศึกษาเพื่อเป็นการสร้างขวัญและ
กำลังใจให้แก่นักเรียน
นักเรียนที่มีปัญหาทางการอ่านทุกคน ได้รับการช่วยเหลือการแก้ปัญหาการอ่านจากพ่อครู แม่ครู ทำให้นักเรียนมีสภาพทางการอ่านสูงขึ้น ส่งผลให้ผลการทดสอบระดับชาติในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ (RT) และผลการทดสอบระดับชาติ ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ (NT) มีการพัฒนาขึ้นทุกปี
๑. ผลการทดสอบ RT ปีการศึกษา ๒๕๖๒ คิดเป็นร้อยละ ๖๗.๓๓ ผลการทดสอบ RT ปีการศึกษา ๒๕๖๓ คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๙๓
๒. ผลการทดสอบ NT ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ผลการทดสอบทั้ง ๓ ด้าน คือ ด้านภาษา ด้านการ คิดคำนวณ และด้านเหตุผล คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๖๓ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๔๒