1 กลุ่มเป้าหมายในการนำ Best
Practice ไปใช้ (ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทและจำนวน กลุ่มเป้าหมาย)
เป็นเด็กชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม จำนวน 91 คน
2 ขั้นตอนการพัฒนา Best
Practice การดำเนินงาน
2.1 ประชุมรับทราบ
วางแผนการดำเนินงาน
2.2 เสนอโครงการ
2.3 ประชุมชี้แจงแนวการดำเนินงาน
2.4 ดำเนินงานตามขั้นตอน
2.5 สรุปผลการดำเนินงาน
กระบวนการปฏิบัติ
ขั้นที่ 1 สำรวจแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในโรงเรียน
ขั้นที่ 2 รวบรวมรายชื่อแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในโรงเรียน
ขั้นที่ 3 ศึกษาข้อมูลด้านต่างๆ
ขั้นที่ 4 การนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
ขั้นที่ 5 ศึกษาแหล่งเรียนรู้ธรรมชาตินอกโรงเรียน
ขั้นที่ 6 สรุปความรู้ร่วมกัน และนำความรู้ของเด็กมาพัฒนาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
3 การตรวจสอบคุณภาพ Best
Practice (ระบุวิธีการและผลการตรวจสอบคุณภาพที่ได้) โดยใช้แบบบันทึกการสังเกต
และแบบสอบถามจากผู้ปกครอง
4 แนวทางการนำ Best
Practice ไปใช้ประโยชน์ จากการสอนบูรณาการแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตแบบพอเพียงในเด็กปฐมวัยนั้น
ทำให้เด็กมีพัฒนาการทั้ง 4 ด้านอย่างสมบูรณ์
ได้แก่ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ –จิตใจ ด้านสังคม และด้าน สติปัญญา
เด็กปรับตัวเข้ากับธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์จนทำให้รู้สึกตนเองเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
รักษ์สิ่งแวดล้อมรอบตัว รักธรรมชาติเด็กได้สังเกต ทดลอง สัมผัสกับธรรมชาติและดำเนินชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข
เมื่ออยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง และเด็กนำความรู้มาพัฒนาต่อยอดเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
1 ผลสำเร็จเชิงปริมาณ เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลศึกษาปีที่
2 ได้เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ และนำผลมาพัฒนาต่อยอดปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันร้อยละ
95
2 ผลสำเร็จเชิงคุณภาพ เด็กมีพัฒนาการครบทั้ง
4 ด้านอย่าง ได้แก่ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ – จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
เรียนรู้จากของจริง การสัมผัสกับธรรมชาติ การทดลอง การสังเกตด้วยตัวเอง ทำให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้ได้รวดเร็ว
เพราะเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเด็ก ตลอดเวลา
ด้านร่างกาย เด็กมีพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก – ใหญ่ จากการเดินสำรวจ วิ่งเล่น และ สัมผัส หิน ดิน ทราย ต้นไม้และธรรมชาติรอบตัวของเด็ก ออกกำลังกายสนุกกับธรรมชาติรอบตัวของเด็ก คิดเป็นร้อยละ 85.80
ด้านอารมณ์ – จิตใจ เด็กมีความสุขกับบรรยากาศที่ครูจัดกิจกรรมและธรรมชาติรอบตัว จากการสัมผัสธรรมชาติ ชื่นชมความสวยงามของผลงานตัวเอง ฟังเพลงที่กระตุ้นคลื่นสมองของเด็ก การสัมผัส การโอบกอดด้วยความรักทำให้เด็กรู้สึกมีความมั่นคง มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 86.31
ด้านสังคม เด็กกล้าแสดงออก สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 84.16
ด้านสติปัญญา เด็กสามารถรับรู้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ดีขึ้น มีพัฒนาการทักษะการ สังเกตสิ่งรอบตัว การฟัง การสัมผัส การรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัว ทางด้านมิติสัมพันธ์ เกิดการเรียนรู้จากนามธรรมเป็นรูปธรรมผ่านการบูรณาการแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติได้ดีขึ้น มีพัฒนาการด้านภาษาเพิ่มมากขึ้น ทำให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น คิดเป็นร้อยละ 83.78
3 ความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องต่อ
Best Practice (ระบุค่าร้อยละของความพึงพอใจจากผู้เกี่ยวข้องและ
วิธีการได้มาเกี่ยวกับข้อมูลความพึงพอใจ)ความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องและร่วมกิจกรรม
Best Practice นี้ อยู่ในระดับดีมาก 97% ระดับดี 3% โดยคิดจากแบบสอบถาม
7.4 ปัจจัยความสำเร็จของการพัฒนา
Best Practice / ประสบการณ์เรียนรู้จากการนำ Best
Practice ไปใช้วิธีการ ได้มาเกี่ยวกับข้อมูลความพึงพอใจ
7.4.1 ผู้บริหารสถานศึกษามีภาวะเป็นผู้นำ
ให้คำปรึกษาและสนับสนุน
7.4.2 คณะครูให้การสนับสนุนและร่วมใจกันทำงาน
7.4.3 ผู้ปกครอง
สามารถนำกระบวนการบูรณาการแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติไปปรับใช้ที่บ้านได้
เพราะบ้านเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ของเด็ก
สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กสามารถสร้างให้เกิดการเรียนรู้ได้ ทั้งนั้นเช่น
ให้เด็กช่วยรดน้ำต้นไม้ และปลูกพืชผักสวนครัวไว้ทานเองที่บ้าน จึงทำให้ผลการดำเนินงาน
ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
7.4.4 เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
เรียนรู้จากของจริง การสัมผัส การทดลอง สังเกตด้วยตัวเอง ทำให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้ได้เร็ว
เพราะเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเด็กและอยู่กับเด็กตลอดเวลา จึงทำให้ผลการดำเนินประสบความสำเร็จ
7.4.5 ครูมีการประเมินพัฒนาการและปรับปรุงผลงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง