๑.
ประชุมชี้แจงให้ครูและบุคลากรเข้าใจถึงความสำคัญของการอ่าน
๒. ดำเนินการด้วยวิธีที่หลากหลาย ทำให้นักเรียนรักการอ่าน
โดยจัดนักเรียนที่อ่านไม่ออก อ่านไม่คล่อง
โดยให้ครู ๑
คนดูแลนักเรียนซ่อมเสริมการอ่านจำนวน 2-3 คน
๓.
จัดโครงการและกิจกรรมที่ส่งเสริมและแก้ปัญหาเกี่ยวกับการอ่าน
ลำดับขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมพัฒนา Flow Chart (แผนภูมิ) ของวิธีหรือแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ
ขั้นที่
1 คัดกรองนักเรียน
ขั้นที่
2 ประชุมชี้แจงและมอบหมายให้ครูดูแลนักเรียนที่อ่านไม่ออก/อ่านไม่คล่องอย่างใกล้ชิด
ขั้นที่
3 ครูดำเนินการสอนอ่านนักเรียนตามที่ได้รับมอบหมาย
ขั้นที่
4 ติดตามและประเมินผลเป็นระยะ
ขั้นที่
5 จัดกิจกรรมเสริม และจัดทำสื่อ
นวัตกรรมเสริมการเรียนรู้ที่หลากหลาย
นักเรียนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จำนวนนักเรียนที่อ่านหนังสือไม่คล่อง อ่านหนังสือไม่ออกลดลงร้อยละ ๙6.5 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น
เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนของ
Best Practice แล้วส่งผลต่อโรงเรียนอย่างไร
1. นักเรียนได้รับรางวัลเกี่ยวกับภาษาไทย
๒.
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้สูงขึ้น
๓.
ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่
6 และมัธยมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ปีการศึกษา ๒๕๖2 มีพัฒนาการดีขึ้นและมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ
๔.
ผลการประเมินความสามารถทางการอ่านของผู้เรียน RT ชั้นประถมศึกษาปีที่
1 ปีการศึกษา ๒๕๖2
สูงกว่าเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด
๕.
ผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ NT ชั้นประถมศึกษาปีที่
3 ปีการศึกษา ๒๕๖2
สูงกว่าระดับประเทศและสูงกว่าเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด