กระบวนการการทำงาน
๑.
ขั้นวางแผน
(Plan)
วางแผนกำหนดนโยบาย
ประชุมจัดทำคำสั่งมอบหมายงานแบ่งหน้าที่รับผิดชอบมีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานปฏิบัติหน้าที่และรับผิดชอบฝ่ายต่าง
ๆ พร้อมทั้งประชุมวางแนวทางการพัฒนาผู้เรียน ตามแนวทางโมเดลไผ่ตัน ๔.๐ คือการจัดกระบวนการเรียนการสอนพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนเก่ง
โดยใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนแบบ Child Centred Education หรือ CCE และพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี
โดยใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนแบบ มาร์ชชิ่งความดี
(พัฒนาวินัยเชิงบวก)
๒. ขั้นปฏิบัติการ (Do)
นำการจัดการเรียนการสอน Child Centred Education หรือ CCE และมาร์ชชิ่งความดี (พัฒนาวินัยเชิงบวก) ลงสู่ผู้เรียนทั้งโรงเรียนทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน
ดังนี้
๑. การพัฒนาการเรียนการสอนแบบ Child Centred Education หรือ CCE
พัฒนาด้านหลักสูตร
๑.
วิเคราะห์หลักสูตรเพื่อเชื่อมโยงกับผลการวิเคราะห์ผู้เรียนที่จัดกลุ่มผู้เรียนตามความสามารถ
มีการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนสอดคล้องกับ VAK
และบูรณาการเนื้อหาระหว่างกลุ่มสาระหรือรายวิชา
๒.
ปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดหมายของหลักสูตร จุดประสงค์รายวิชาต้องครอบคลุมทั้งในด้านความรู้
ทักษะ และเจตคติ
๓.
กำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอน
เทคนิคการสอน การเรียนรู้ที่หลากหลาย
เน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล จัดกิจกรรมบูรณาการระหว่างสาระวิชาต่าง ๆ
เชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตจริง
๔.
จัดกิจกรรมส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง กระตุ้นความคิด มีกระบวนการการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เป็นระบบ
๕.
จัดกิจกรรมให้มีความยืดหยุ่นเปิดกว้างสำหรับนักเรียน เน้นความแตกต่างระหว่างบุคล
เช่น การทำใบงานที่แตกต่างกัน เป็นต้น
๖. มีวิธีการวัดผลและประเมินผลให้เป็นไปตามสภาพจริง
พัฒนาด้านครู
๑. ครูศึกษาข้อมูลพื้นฐานของผู้เรียนเป็นรายบุคคลครูมีการศึกษาข้อมูลของนักเรียน
วิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลโดยใช้แบบสำรวจ แบบคัดกรอง
แบบสัมภาษณ์เพื่อให้ทราบข้อมูลพื้นฐานของนักเรียนแต่ละคน
และเข้าใจถึงพัฒนาการของนักเรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
และพื้นฐานความต้องการของนักเรียนตามศักยภาพและความสามารถของนักเรียน
๒. ครูเปลี่ยนมุมมอง
ปรับทัศนคติในการคิด เข้าใจพัฒนาการของผู้เรียน ความแตกต่างแต่ละบุคคล
๓.
ครูคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในเชิงลึกเน้นผู้เรียนเป็นรายบุคคล
มีการทำใบงาน แบบฝึกให้เหมาะกับผู้เรียน
๔. ครูสนับสนุนผู้เรียนตามศักยภาพมีสัมพันธภาพที่ดีต่อนักเรียนทั้งทางกายและจิตใจ
ให้เกียรติ
รับฟังเป็นที่ปรึกษา ช่วยแก้ปัญหาและชื่นชมเพื่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดี
ทำให้นักเรียนมีความสุข
มีความเชื่อมั่น กล้าคิด กล้าแสดงออก
๕.
ครูมีสัมพันธภาพที่ดีต่อเด็กจัดกิจกรรมและสื่อการสอนที่สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้
มีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุขสอดคล้องกับ VAK และจุดประสงค์การเรียนรู้
๖. ครูปรับเปลี่ยนวิธีการสอนจากการลงโทษ
เป็นการให้การเสริมแรงและสร้างแรงจูงใจแก่ผู้เรียนมีการเสริมแรงทั้งด้วยวาจา
และการปฏิบัติ เช่น การให้ดาว การกล่าวชม
การนำผลงานของนักเรียนขึ้นจัดบอร์ดเพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้ผู้เรียน
๗. ครูสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้
มีการจัดมุมต่างๆ ทั้งในและนอกให้เรียนให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ เช่น มุมการอ่าน
มุมอุปกรณ์ มุมความรู้ มุมส่งงาน ฯลฯ
๘.
ครูเป็นที่ปรึกษาและช่วยแก้ปัญหาครูปฏิบัติตนเป็นผู้ที่สร้างความไว้วางใจให้ผู้เรียน
ไม่ดูห่างเหิน
มีความเป็นกันเอง ผู้เรียนเกิดความสบายใจกล้าที่จะปรึกษา ครูมีการประสานงานกับผู้ปกครองในการร่วมพัฒนาผู้เรียนอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง
๙. ครูมีการจัดการ วางแผน
ในการจักกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ดังนี้
๙.๑ ครูศึกษาเรื่องมาตรฐานการศึกษาและมีการวิเคราะห์หลักสูตรให้เข้าใจ
แล้วนำมาพัฒนาหลักสูตรรายวิชาที่ตนสอน
๙.2 ครูวางแผนการสอน
ว่าควรจะสอนอย่างไร รวมทั้งจะต้องสามารถกำหนดสิ่งที่จะบรรลุผลหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือพฤติกรรมของนักเรียนที่จะเกิดขึ้นหลังจากได้รับการศึกษา
โดยเน้นการจัดกิจกรรมและการใช้สื่อที่ส่งเสริมการเรียนรู้
๙.๓ ครูนำกระบวนการวิจัยเข้ามาใช้ในการสอนของครู
และการเรียนของนักเรียนเพื่อสร้างสรรค์ความรู้ควบคู่กับการเรียนรู้
๙.๔ ครูดำเนินการสอน โดยทำงานร่วมกับผู้เรียนหมายความว่า
ต้องลดบทบาทการบอกของครูมาเป็นการทำงานร่วมกับผู้เรียน โดยอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนได้มีบทบาทในการเรียนมากขึ้น
๙.๕
ครูมีการวัดประเมินผลการสอน ว่าสิ่งที่ครูสอนไปนั้นบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้มากน้อยเพียงใด
โดยวัดจากผลการเรียนรู้ของผู้เรียน พิจารณาเป็นรายบุคคลและรายชั้นเรียน
๙.๖ ครูวิเคราะห์ผลจากการสอน และผู้เรียน เพื่อนำมาปรับปรุงการเรียนการสอนในต่อไป
๙.๗ ครูบันทึกสรุปผลการสอน ว่าในคาบหรือหน่วยนั้นมีความสำเร็จ
บรรลุตามเป้าหมายมากน้อยเพียงใด มีปัญหาและอุปสรรคที่ต้องแก้ไขอย่างไร
มีคำแนะนำเพื่อจะนำไปปรับปรุงต่อไปอย่างไร
โดยบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เป็นหนึ่งหน่วย
พัฒนาด้านผู้เรียน
๑. นักเรียนมีความสุขในการเรียนเพิ่มมากขึ้น
๒. นักเรียนมีทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ
๓. นักเรียนกล้าตัดสินใจ กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์
๔. นักเรียนมีสัมพันธภาพที่ดีกับกลุ่ม
๕. นักเรียนได้รับการพัฒนาตามศักยภาพและความต้องการ
๖.
ปรับแนวคิดทัศนคติของผู้เรียนให้เห็นความสำคัญของการตั้งใจเรียน มีการทำข้อตกลง
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงออกถึงแนวคิดของตนเอง
พัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม
1. การจัดวางวัสดุได้จัดวัสดุ อุปกรณ์ สื่อ
เครื่องเล่น ครุภัณฑ์ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับวัยและพัฒนาการ
เพื่อให้เด็กสามารถใช้หรือทำกิจกรรมได้สะดวกด้วยตนเอง
2. วัสดุ
อุปกรณ์ สื่อ เครื่องเล่น ครุภัณฑ์ ควรให้มีขนาดเหมาะสมกับเด็ก
3. การจัดพื้นที่ในห้องเรียนให้เหมาะสม เลือกที่ตั้งครุภัณฑ์ อุปกรณ์ต่างๆ และมุมประสบการณ์โดยคำนึงถึงทิศทางลมเหมาะสม
แสงสว่างเพียงพอต่อการทำกิจกรรมไม่รบกวนสายตาเด็กขณะปฏิบัติกิจกรรมสร้างบรรยากาศให้ร่มรื่นทุกจุดของห้องควรให้มองเห็นได้โดยรอบ
4.
จัดสภาพแวดล้อมในห้องให้มีความสะอาดปลอดภัยโดยตรวจความเรียบร้อยของวัสดุ
อุปกรณ์
สื่อและเครื่องเล่นหากชำรุดต้องรีบซ่อมแซมโดยเร็วกำหนดขอบเขตของมุมประสบการณ์ให้เด็กรู้ดูแลบริเวณทั่วไปให้ปลอดภัยจากสัตว์
แมลง พืช และสารเคมีที่มีพิษครุภัณฑ์ โต๊ะ เก้าอี้ ไม่ควรเป็นมุมแหลมที่เป็นอันตราย
๕. จัดมุมเสริมทักษะพัฒนาการเรียนรู้ที่หลากหลายเช่น มุมส่งเสริมการอ่าน
มุมเกมการศึกษามุมศิลปะ มุมส่งงาน
มุมสะอาด มุมอุปกรณ์
๖.
จัดสภาพแวดล้อมให้สวยงามเหมาะกับการเรียนรู้
๗.
จัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สะดวกต่อการหยิบใช้และจัดเก็บเป็นระเบียบมีการจัดมุมกิจกรรมต่าง
ๆ พร้อมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้และเพียงพอต่อจำนวนผู้เรียน
๘.
จัดบอร์ดบริเวณทั้งในและห้องเรียนให้มีความเป็นปัจจุบัน ทันสมัย แปลกใหม่อยู่เสมอ
๙.
จัดบอร์ดผลงานนักเรียนให้มีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนนักเรียนได้นำผลงานขึ้นทุกคน
๒. การนำมาร์ชชิ่งความดีลงสู่ผู้เรียน
โรงเรียนวัดไผ่ตันมีการนำวินัยเชิงบวกลงสู่นักเรียนทั้งโรงเรียนทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน
ดังนี้
๑. การนำวินัยเชิงบวกลงสู่กิจวัตรประจำวันของโรงเรียน
๑) กิจกรรมหน้าเสาธง
เน้นการเข้าแถวให้เป็นระเบียบ ให้นักเรียนปรบมือด้วยโค้ดมาร์ชชิ่งความดี
และเลิกแถวขึ้นห้องอย่างเป็นระเบียบ
๒) การดำเนินชีวิตประจำวันของนักเรียน
ได้แก่
-
การเข้าแถวซื้อของให้เป็นระเบียบไม่แซงคิว
- การอยู่ร่วมกันในห้องเรียนอย่ามีระบบ
ไม่ทะเลาะ มีสมาธิในการเรียน
- การเข้าห้องเรียนตรงเวลา
- การพูดคุยกันอย่างสุภาพ
- การรับประทานอาหารอย่างมีมารยาท
และรักษาความสะอาด
- การทำความสะอาดพื้นที่ที่รับผิดชอบ
-การใช้ห้องน้ำ
๓) เสียงตามสาย
มีการเรียกเตือนให้ทำหน้าที่ของตนในการทำความสะอาดพื้นที่ที่รับผิดชอบ
การอ่านหนังสือตอนเช้า การเชิญชวนให้เข้าโรงเรียนให้ตรงเวลาด้วยเพลง
๒.
การนำวินัยเชิงบวกลงสู่กิจกรรมของโรงเรียน
๑) กิจกรรมกีฬาสี
๒) การสวดมนต์วันศุกร์
๓) การสวนสนามยุวกาชาด
๔) โครงการโรงเรียนคุณธรรม
๓.
การเรียนการสอนในห้องเรียน มีการบูรณาการความดีพื้นฐานสากล ๕
ประการในการเรียนการสอนทั้ง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยครูผู้สอนทำแผนการสอนที่บูรณาการความดีพื้นฐานสากล
๕ ประการ ในกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ ความสะอาด ความเป็นระเบียบ ความสุภาพ
ความตรงเวลา และความมีสมาธิ ซึ่งสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของโรงเรียนวัดไผ่ตันที่ว่า“ลูกไผ่ตัน
มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ”
๓. ขั้นตรวจสอบ (Check)
จัดระบบนิเทศกระบวนการเรียนการสอนภายในแบบกัลยาณมิตร และมีการกำกับติดตามโดยคณะกรรมการดำเนินงานฝ่ายประเมินผล
เพื่อให้เห็นพัฒนาการของผู้เรียนและบุคลากรในโรงเรียน ด้วยการสังเกต บันทึกผล
ประเมินผล พฤติกรรมของผู้เรียนในโรงเรียนในขณะทำกิจกรรมต่างๆ และสภาพแวดล้อมในของโรงเรียน
๔.
ขั้นปรับปรุง และขยายผล (Act)
ปรับปรุงการดำเนินการให้เหมาะสม
จากการตรวจสอบขั้นที่ ๓ ได้แก้ไขข้อบกพร่องที่พบ ดังนี้
๑) การมาโรงเรียนสาย นักเรียนบางส่วนยังคงมาโรงเรียนสายเป็นประจำ แก้ไขโดย
ทำหนังสือถึงผู้ปกครองเพื่อให้ครูประจำชั้นปรับปรุงแก้ไขและประสานกับผู้ปกครองเป็นรายบุคคลตามความเหมาะสมต่อไป
๒) การลงมาทำความสะอาดพื้นที่ที่รับผิดชอบช้า
แก้ไขโดยการใช้เสียงตามสายประกาศเตือนนักเรียนเมื่อเพลงหน้าที่เด็กดังขึ้น ๓) การเข้าแถวหน้าเสาธงการรวมแถวเพื่อกลับบ้านที่สนาม
ทำให้นักเรียนเป็นระเบียบมากขึ้น ๔) การใช้โค้ดมาร์ชชิ่งความดีในการเรียกความพร้อมและสมาธิของนักเรียน
๕) การตรวจเครื่องแต่งกายของผู้เรียนเป็นประจำสม่ำเสมอซึ่งทำให้ผู้เรียนแต่งกายเรียบร้อยถูกระเบียบมากขึ้น?
จากการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแบบคู่ขนานด้วยระบบ
CCE
และมาร์ชชิ่งความดีของสถานศึกษาที่โรงเรียนวัดไผ่ตันร่วมกันพัฒนาขึ้น
พบว่าการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนประสบผลสำเร็จบรรลุตามเป้าหมาย
ดังนี้
ด้านตัวชี้วัดเชิงปริมาณ
๑. นักเรียนโรงเรียนวัดไผ่ตันทุกคนได้รับการพัฒนาตามแนวทางโมเดลไผ่ตัน ๔.๐ คิดเป็น ๑๐๐%
๒. ผู้บริหาร
คณะครูและบุคลากรทุกคนร่วมกันจัดกิจกรรมและกระบวนการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนตามแนวทางโมเดลไผ่ตัน ๔.๐ คิดเป็น ๑๐๐%
ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ
๑. ผู้เรียนมีพัฒนาการ
และมีคุณสมบัติตรงตามวินัยพื้นฐานความดีสากล ๕ ประการ คือ
สะอาด ระเบียบ สุภาพ ตรงเวลา และมีสมาธิ คิดเป็นร้อยละ ๗๐
๒.
ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ดีและดีมากคิดเป็นร้อยละ ๗๐
๓.
ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่สถานศึกษากำหนด
ร้อยละ ๖๐
๔.
ผู้เรียนมีผลงานเชิงประจักษ์
บทเรียนที่ได้รับ
๑.การที่จะพัฒนาการศึกษาในยุค
๔.๐ ให้มีคุณภาพนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
การพัฒนาการศึกษาจึงจะมีประสิทธิภาพประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ด้วย CCE และมาร์ชชิ่งความดี
วินัยเชิงบวก” ในครั้งนี้ โรงเรียนวัดไผ่ตันได้รับความร่วมมือจาก ผู้ปกครอง ชุมชน
วัด รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนเป็นอย่างดี
๒. การพัฒนา แก้ไข พฤติกรรมของผู้เรียน
เป็นการพัฒนาในเชิงลึกต้องอาศัยเวลาในการสร้างจิตสำนึกให้กับผู้เรียน
ดังนั้นการทำกิจกรรมต่างๆ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทำซ้ำๆ จนเกิดเป็นนิสัยที่ถาวร
โรงเรียนได้รับบทเรียนจากการเริ่มต้นพัฒนาเมื่อปีการศึกษา ๒๕๕๙ จึงได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดเป็นพฤติกรรมที่ยั่งยืนกับผู้เรียนจึงจัดให้เป็นมาตรฐานเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติต่อไป