๑. เกริ่นนำ
กระบวนการ/วิธีการดำเนินงานในอดีต
ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน
ปีการศึกษา ๒๕๕๕-๒๕๕๗ พบว่า มีผู้เรียนที่มีปัญหาการอ่านไม่ออก-ไม่คล่อง
จำนวนมาก ส่งผลให้เป็นอุปสรรคในการจัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระและส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนค่อนข้างต่ำ
มีผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติ ขั้นพื้นฐาน (O-NET)
ต่ำกว่า ระดับประเทศ จากผลการประเมินดังกล่าว
โรงเรียนจึงมีกระบวนการและนโยบายด้านการอ่าน
โดยผู้บริหารกำหนดนโยบายด้านการพัฒนาด้านการอ่าน ให้จัดครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยช่วยสอนแก้ปัญหาการอ่านของผู้เรียน
และเมื่อประเมินผล การอ่านยังต่ำ
ไม่เป็นที่น่าพอใจ ต่อมาในปีการศึกษา ๒๕๕๘-๑๕๕๙
ผู้บริหารได้มีนโยบายการแก้ปัญหาและพัฒนาการอ่าน
โดยการให้ครูทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขและพัฒนาการอ่านของผู้เรียนที่อ่านไม่ออก ไม่คล่อง โดยการแบ่งผู้เรียนที่มีปัญหาดังกล่าวให้ครูทุกคนรับผิดชอบสอนอ่านตามความเหมาะสม
ซึ่งให้ครูจัดหาสื่อการสอนและออกแบบทดสอบการอ่านเอง ส่งผลให้ผลการทดสอบระดับชาติ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสูงกว่าระดับประเทศ
แต่ผลการพัฒนาการอ่านยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ยังมีผู้เรียนบางส่วนที่ยังมีปัญหาด้านการอ่าน
โรงเรียนวัดกำแพง
สำนักงานเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เป็นโรงเรียนขนาดกลาง จัดการศึกษาระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๓ มีผู้เรียนรวมผู้เรียนการศึกษาพิเศษจำนวน
๘๗๙ คน (ในปีการศึกษา ๒๕๖๒) มีผู้บริหารจำนวน ๓ คน ครู จำนวน ๕๑ คน
เจ้าหน้าที่และบุคลากรอื่น ๆ จำนวน ๑๔ คน จากสภาพทั่วไปดังกล่าวซึ่งผู้เรียนมีความแตกต่างกัน
ทำให้ยากต่อการบริหารจัดการและการจัดกิจกรรมที่พัฒนาการอ่านที่เหมาะสมในภาพรวม
ผู้เรียนขาดความสนใจ โดยประเมินจากการสังเกตการร่วมกิจกรรมการอ่าน
การเขียนในโรงเรียน
ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ ถึงปัจจุบัน
มีการส่งเสริมการพัฒนาการอ่านอย่างเป็นระบบโดยกำหนดกรอบแนวคิด
ซึ่งศึกษาการถอดบทเรียนความสำเร็จของการดำเนินการการพัฒนาการอ่าน (Best
practice) ของโรงเรียน
เป็นกรอบการดำเนินการร่วมกับทฤษฎีหลัก ประกอบด้วย ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์
(Constructivist
Theory) ทฤษฎีระบบ (System Theory) วงจรคุณภาพ (Deming Cycle) ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning Theory)
และทฤษฎีของการจูงใจ (Theories of motivation)
ซึ่งดำเนินการอย่างเป็นระบบชัดเจนมีความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งผู้บริหาร ครู
บุคลากรในโรงเรียน ผู้ปกครอง และผู้เรียน
โดยมีการวางแผนพัฒนาจากนโยบายกระบวนการวิธีการในปีการศึกษาที่ผ่านมาและเพิ่มเติมโดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการอ่าน
มีการประชุมชี้แจงอภิปราย กำหนดนโยบายและแนวทางแก้ปัญหาการอ่านร่วมกันทุกฝ่าย
ตลอดจนมีการสร้างสื่อนวัตกรรมหนังสือเล่มเล็ก ที่ครอบคลุมทุกระดับชั้นเรียนเพื่อสะดวกในการนำไปใช้พัฒนาผู้เรียน
สร้างแบบทดสอบการอ่านและเกณฑ์การประเมินการอ่านแต่ละระดับชั้นอย่างชัดเจน
มีการทดลองใช้เครื่องมือและนำไปปรับปรุงให้มีความถูกต้อง
แล้วนำมาใช้ประเมินการอ่านทุกเดือน ทุกระดับชั้น
สรุปผล ประเมินผล และรายงานผลอย่างเป็นระบบและนำมาพัฒนา
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาการอ่านเพิ่มเติมให้กับผู้เรียนทุกคน
ทุกระดับชั้น ส่งผลให้การพัฒนาการอ่านของโรงเรียนประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
จึงถือเป็นแนวทางในการพัฒนาการอ่านของโรงเรียน
๑.
เพื่อแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก-ไม่คล่อง
๒. เพื่อพัฒนาทักษะและคุณลักษณะด้านการอ่านของผู้เรียน
๓. เพื่อผดุงคุณภาพทักษะการอ่านของผู้เรียน
๔.
ส่งเสริมความเป็นเลิศทักษะด้านการอ่านของผู้เรียน
ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ
และ/หรือ
ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ
เชิงปริมาณ
-
ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๓ ร้อยละ ๑๐๐ ผ่านการประเมินการอ่าน
เชิงคุณภาพ
- ผู้เรียนร้อยละ
๑๐๐ มีผลการประเมินการอ่านผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานของโรงเรียนร้อยละ ๗๐
- ผู้เรียนร้อยละ
๑๐๐ มีผลการประเมินการอ่านผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานของสำนักการศึกษาร้อยละ
๗๐
จากแผนภูมิข้างต้นมีวิธีการดำเนินงานดังนี้
๑.
ศึกษาวิเคราะห์ SWOT และทำ TOWS Matrix ด้านการอ่านผู้เรียนโรงเรียนวัดกำแพง
๒. ประเมินสภาพการอ่านของผู้เรียนทุกระดับชั้น
วิเคราะห์และคัดกรองการอ่านของผู้เรียน
แบ่งเป็นกลุ่ม อ่านไม่ออก
กลุ่มอ่านไม่คล่อง และกลุ่มอ่านคล่อง
๓. ประชุมครูและบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียน
เพื่อหาแนวทางและกำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาการอ่าน ตลอดจนแบ่งหน้าที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
โดยแบ่งผู้เรียนที่มีปัญหาการอ่านให้ครูทุกคนรับผิดชอบสอนอ่าน
พร้อมทั้งมีการรายงานผลอย่างเป็นระบบ
๔. คณะครูร่วมกันวิเคราะห์ สังเคราะห์
และสร้างสื่อนวัตกรรมหนังสือเล่มเล็กคำพื้นฐานระดับชั้นเรียน
เพื่อนำมาให้ครูและผู้ปกครองใช้สอนและทบทวนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านให้กับผู้เรียนตลอดจนให้ผู้เรียนฝึกอ่านอย่างสม่ำเสมอ
๕. ประชุมผู้ปกครองของผู้เรียนที่มีปัญหาการอ่าน
ชี้แจง อภิปราย กำหนดนโยบายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการอ่าน
โดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการอ่าน คือให้ผู้เรียนอ่านหนังสือให้ผู้ปกครองฟัง
แล้วบันทึกคำที่อ่านไม่ได้ ลงในสมุดบันทึก
และนำมาฝึกอ่านกับครูผู้รับผิดชอบเพื่อฝึกอ่านคำหรือข้อความนั้น ๆ ให้ถูกต้อง
๖. โรงเรียนจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาการอ่านของผู้เรียนอย่างชัดเจน โดยจัดให้ผู้เรียนอ่านหนังสือตามความสนใจในช่วงเช้าเวลา
๐๖.๓๐-๐๗.๔๕ น. ซึ่งมีการจัดตะกร้าหนังสือที่หลากหลายและเพียงพอให้กับผู้เรียนทุกชั้นเรียน
ทั้งนี้มีครูและผู้เรียนกลุ่มแกนนำมาช่วยดูแลการอ่าน และสอนผู้เรียนกลุ่มที่มีปัญหาการอ่านทุกวัน
๗. โรงเรียนสร้างแบบฝึกเพื่อใช้ประเมินการอ่านของผู้เรียนทุกระดับชั้นเรียนทุกเดือน
นำมาทดสอบและรายงานผลทุกเดือนอย่างเป็นระบบเพื่อนำผลมาพัฒนาต่อไป
๓. ผลการดำเนินงาน
๓.๑
โรงเรียนมีผลการประเมินความสามารถด้านการอ่าน ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ (Reading Test : RT)
สูงกว่าหน่วยงานต้นสังกัดและระดับประเทศ
๓.๒ โรงเรียนมีผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานผู้เรียนระดับชาติ
ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ (National Test : NT)
สูงกว่าหน่วยงานต้นสังกัดและระดับประเทศทุกด้าน
๓.๓
โรงเรียนมีผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
๖ (Ordinary National Educational
Test : O-NET) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสูงกว่าระดับประเทศ
๓.๔
นำแนวทางการพัฒนาการอ่านภาษาไทยถอดบทเรียนไปใช้ในการพัฒนาภาษาอังกฤษส่งผลให้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมีผลการประเมินการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
๖ (Ordinary
National Educational Test
: O-NET) สูงกว่าระดับประเทศ
๓.๕ ผู้เรียนทุกคนมีผลพัฒนาการอ่านดีขึ้น
กระบวนการพัฒนาการอ่านของโรงเรียนนำไปใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนากลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
ๆ ได้
๕.๑ ความร่วมมือของบุคลากรครู ผู้ปกครองและผู้เรียน
๕.๒
นโยบายด้านการบริหารจัดการ กระบวนการกำกับติดตามอย่างต่อเนื่อง
๕.๓
กระบวนการประเมินผลและนำมาใช้ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจริง ๆ
๕.๔
มีรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมโดยความจริงใจ
๖.๑
โรงเรียนได้รับรางวัลโรงเรียนส่งเสริมการอ่านดีเด่น
๖.๒ เผยแพร่กิจกรรมส่งเสริมการอ่านผ่านสำนักข่าว Thai pbs ในกิจกรรมการถ่ายทำสารคดีโครงการสารานุกรมไทยในพระราชประสงค์ตอน
สืบสานงานของพ่อ
๖.๓
เผยแพร่ผลงานการพัฒนาการอ่านให้กับโรงเรียนที่มาศึกษาดูงาน
๖.๔
เผยแพร่ผลงานการพัฒนาการอ่านผ่านการจัดนิทรรศการวิชาการเขตบางขุนเทียน
๖.๕
โรงเรียนได้รับรางวัลชมเชย โรงเรียนที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านดีเด่น
ระดับสำนักการศึกษา
โครงการส่งเสริมทักษะภาษาไทยในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร