กระบวนการดำเนินการ
1. ประชุมครู บุคลากร ผู้ปกครอง และนักเรียน เพื่อวางแผนการดำเนินกิจกรรมตามโครงการ
2. ดำเนินกิจกรรมตามโครงการ ดังนี้
ขั้นที่ 1: สร้างแรงบันดาลใจ (Inspire)
• จัดกิจกรรมเชิญศิลปินต้นแบบ เช่น นักดนตรีมืออาชีพ หรือรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ
• จัดเวิร์กช็อปแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ขั้นที่ 2: ปรับเป้าหมาย (Goal Setting)
• ให้นักเรียนกำหนดเป้าหมายทางดนตรีของตนเอง
• ทำสมุดบันทึกแรงบันดาลใจ (Inspiration Diary)
ขั้นที่ 3: ฝึกฝนทักษะ (Skill Development)
• จัดตารางการฝึกซ้อมร่วมกับครู
• เรียนรู้แบบโครงงาน เช่น การบรรเลงเพลง หรือจัดวงดนตรี
ขั้นที่ 4: เวทีแสดงออก (Showcase & Perform)
• จัดกิจกรรม “Music Inspiration Day” ให้นักเรียนแสดงผลงานต่อหน้าสาธารณะ
• เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ของโรงเรียน
ขั้นที่ 5: ประเมินและสะท้อนผล (Reflection)
• ใช้การประเมินทั้งตนเอง เพื่อน และครู
• สะท้อนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมกลุ่มหรือวิดีโอบันทึกการแสดงดนตรี
4.ตรวจสอบ ประเมินผลการจัดกิจกรรม รายงานผลการจัดกิจกรรมตามวัตถุประสงค์
5. แก้ไข ปรับปรุง พัฒนาการจัดกิจกรรม ขยายผลการดำเนินกิจกรรมเพื่อเป็นแบบอย่างต่อสถานศึกษาที่สนใจ เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินกิจกรรมกับหน่วงงานต่างๆ
ดนตรีไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานอย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันการเรียนการสอนดนตรีไทยในโรงเรียนกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งในด้านวิธีการสอนที่ยังยึดติดกับรูปแบบดั้งเดิม ปัญหาความมั่นใจของนักเรียน และความกดดันจากความคาดหวังของครูโครงการ "นวัตกรรมการส่งเสริมศักยภาพด้านดนตรีด้วยกระบวนการสร้างแรงบันดาลใจ 5 ขั้น" จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นระบบและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
ความสำเร็จที่สำคัญของโครงการปรากฏชัดในหลายมิติ เริ่มจากด้านแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ นักเรียนกว่าร้อยละ 92 มีแรงจูงใจในการเรียนดนตรีไทยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เช่น การได้รับความรู้จากศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จทางด้านดนตรีและการร่วมเวิร์คช็อปกิจกรรมต่างๆ ประสบการณ์ตรงจากบุคคลต้นแบบเหล่านี้ได้จุดประกายความฝันและทำให้นักเรียนมองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการพัฒนาตนเอง
ในด้านทักษะและการแสดงออกโครงการได้ส่งเสริมการจัดกิจกรรมสำหรับนักเรียนให้ได้ค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเอง นักเรียนมากกว่าร้อยละ 87 มีพัฒนาการทางทักษะดนตรีเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งระดับ จากการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน ที่น่าสนใจคือ นักเรียนที่เคยขาดความมั่นใจเริ่มกล้าแสดงออกมากขึ้น โดยมีนักเรียนถึงร้อยละ 80 ที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากความกลัวมาเป็นความมั่นใจในการแสดงต่อหน้าสาธารณชน กระบวนการสำคัญที่ทำให้โครงการบรรลุผลสำเร็จคือการนำแนวคิด 5 ขั้นตอนมาใช้อย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่การสร้างแรงบันดาลใจ (Inspire) การตั้งเป้าหมายส่วนบุคคล (Goal Setting) การพัฒนาทักษะอย่างเป็นขั้นตอน (Skill Development) การมีเวทีแสดงออก (Showcase & Perform) และสุดท้ายคือการสะท้อนคิด (Reflection) กระบวนการนี้ไม่เพียงพัฒนาทักษะดนตรี แต่ยังส่งเสริมทักษะชีวิตที่สำคัญ เช่น ความรับผิดชอบ การทำงานเป็นทีม ความมั่นใจในตนเอง เกิดความภาคภูมิใจในตนเองและภาคภูมิใจในควมเป็นไทย
ผลลัพธ์ที่ได้เกินกว่าความคาดหมายในหลายด้าน นักเรียนไม่เพียงพัฒนาทักษะดนตรี แต่ยังเกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย จะเห็นได้จากผลที่แสดงว่านักเรียนร้อยละ 89 มีทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนดนตรีไทยมากขึ้น ผู้ปกครองหลายท่านมีความเห็นว่าลูกหลานของพวกเขามีพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ดีขึ้นทั้งในและนอกห้องเรียน
ความสำเร็จของโครงการนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ดนตรีไทยยังคงมีความสำคัญและน่าสนใจสำหรับเยาวชน หากมีวิธีการสอนที่เหมาะสม ทันสมัย และสร้างแรงบันดาลใจ โครงการนี้ไม่เพียงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการเรียนดนตรีไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับการจัดการเรียนการสอนศิลปวัฒนธรรมอื่นๆ ในโรงเรียน โดยแสดงให้เห็นว่าการผสมผสานระหว่างการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมกับนวัตกรรมการสอนสมัยใหม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้อย่างแท้จริง