ความเป็นมาและบริบทของโรงเรียน
สืบเนื่องจากการประเมินการอ่านของนักเรียนประจำเดือนพบว่ามีนักเรียนเป็นจำนวนมากมีปัญหาด้านการอ่านและการเขียน
นักเรียนบางคนอ่านหนังสือไม่คล่อง บางคนอ่านหนังสือไม่ออก
และเมื่อทดสอบการเขียนพบว่าบางคนเขียนหนังสือไม่ค่อยได้ และเขียนไม่ถูก
ซึ่งการอ่านและการเขียนไม่ได้ของนักเรียนจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาในการเรียนของนักเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และยังส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนด้วย
ทางโรงเรียนตระหนักและเห็นความสำคัญในการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนทุกคน
จึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียน
เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนทุกระดับชั้น ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนทุกคนมีความสามารถด้านการฟัง
พูด อ่าน เขียน และคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนเรียนรู้อื่นอย่างมีคุณภาพอีกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อพัฒนาให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่อง
และเขียนคล่อง
2. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
3. เพื่อส่งเสริมให้คณะครูจัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนอย่างเป็นระบบ
4. เพื่อพัฒนาครูให้ใช้สื่อในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้และอ่านคล่องเขียนคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ
กระบวนการและขั้นตอนการดำเนินงาน
กิจกรรม/วิธีการ/ขั้นตอนที่สำคัญ
1. คัดกรอง /แบ่งกลุ่มนักเรียน
2. วางแผน/กำหนดกิจกรรมรายกลุ่มที่คัดกรอง
3. ดำเนินการแก้ปัญหาและพัฒนาการอ่าน
4. ประเมินผลการอ่าน การเขียนของนักเรียน
5. รวบรวมสรุปผล
6. พัฒนา แก้ไข / ปรับปรุง
กิจกรรมการดำเนินงานแก้ปัญหาและพัฒนาการอ่านการเขียนของนักเรียน ( ครูประจำชั้น / ครูผู้สอนวิชาภาษาไทย/ ครูทุกคน )
(P:ขั้นวางแผน)
กระบวนการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนดังนี้
1. วิเคราะห์สภาพปัจจุบันปัญหาของนักเรียนที่มีปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
เช่น นักเรียนขาดทักษะพื้นฐานการอ่านการเขียนทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน
นักเรียนมีสมาธิในการเรียนรู้สั้น
การจัดการเรียนการสอนไม่สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของสมองของเด็ก (BBL) เป็นต้น
2. ประชุมสร้างความตระหนักให้กับบุคลากรและผู้ปกครอง
ให้เห็นความสำคัญของภาษาไทย แม้ครูที่สอนสาระการเรียนรู้อื่น
โดยเป็นแบบอย่างที่ดีและร่วมกันส่งเสริมการใช้ภาษาไทยของนักเรียน
3. ผู้บริหารสถานศึกษาส่งเสริมบุคลากรในการสร้างนวัตกรรมที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียนและนิเทศ
ติดตามให้ทุกคนนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
4. มอบหมายให้ครูทุกท่านรับผิดชอบนักเรียนตามจำนวนที่ได้รับมอบหมายเพื่อดำเนินการพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนทุกวัน
5. ผู้บริหารสถานศึกษาดำเนินการควบคุม
กำกับและติดตามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
โดยให้ครูประจำชั้นส่งรายงานการพัฒนาการออ่านและการเขียนให้กับผู้บริหารสถานศึกษาทุกวันสิ้นเดือน
(D: ขั้นดำเนินงาน)
ดำเนินการพัฒนาการอ่าน การเขียน ตามกิจกรรมตามที่กำหนดตลอดปีการศึกษา
กิจกรรมที่ 1 แบ่งกลุ่มนักเรียนที่คัดกรองออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่อ่านไม่ได้ (กลุ่มนักเรียนเรียนร่วม) กลุ่มที่อ่านไม่คล่อง และกลุ่มปานกลาง ประชุมคณะครู มอบหมายการสอนทักษะการอ่านโดยใช้สื่อ
นวัตกรรมแบบฝึก กระบวนการ เทคนิคที่หลากหลาย
รวมทั้งแบบทดสอบการอ่านของกรุงเทพมหานคร โดยแบ่งให้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 3-5 คน ใช้เวลาช่วงเช้า
เวลา ๐๗.๓๐ น.-๐๘.๒๐ น.และตอนพักกลางวัน
12.00 น. ถึง
12.30 น.ทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ ที่ห้องประชุมจามจุรี
กิจกรรมที่ 2 ครูประจำชั้น ฝึกทักษะการอ่าน เขียน
ในชั่วโมงภาษาไทยเพิ่มกับเด็กเป็นรายบุคคล
กิจกรรมที่ 3 ส่งเสริมกิจกรรมรักการอ่าน
3.1 จัดมุมรักการอ่านในห้องเรียน
3.2 กิจกรรมกลุ่มสาระการเรียนรู้แต่ละกลุ่มสาระหมุนเวียนกันก่อนเคารพธงชาติ
3.3 กิจกรรมซ่อมเสริมการอ่านสำหรับนักเรียนที่คัดกรอง เวลา
๐๗.๓๐ น.-๐๘.๒๐ น.
3.4 กิจกรรมภาษาไทยวันละคำ
(C: ขั้นติดตาม ตรวจสอบ
ประเมินผล)
ประเมินผลการอ่านการเขียนของนักเรียน เพื่อดูพัฒนาการ
การอ่านและการเขียนของนักเรียน
กิจกรรมที่ 1 การวัดและประเมินผลโดยจัดให้มีการทดสอบการอ่าน การเขียนเดือนละ 1 ครั้ง
- พัฒนาการของนักเรียน ( ดูจากแบบบันทึกความก้าวหน้า )
- แบบสรุปพัฒนาการของนักเรียน
- แบบบันทึกการการอ่าน / การเขียนของนักเรียน
- ผลสัมฤทธิ์ การเรียนภาษาไทยและกลุ่มสาระ อื่น ๆของนักเรียน
- รายงานผลสรุปผลการดำเนินการต่อผู้บริหาร
(A: ขั้นพัฒนา แก้ไข / ปรับปรุง)
นำผลการประเมินมาปรับปรุงแก้ไข โดยตรวจสอบกิจกรรมที่ควรปรับปรุง และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
ได้แก่ ปรับวิธีการที่ให้พ่อแม่ช่วยเหลือการเรียนของลูก / จัดให้มีกิจกรรมพี่ช่วยน้องในปีต่อไป ดังนี้
1. นักเรียนมีทักษะการอ่านออก
เขียนได้ และอ่านคล่อง เขียนคล่อง
เด็กมีความสนใจในการเรียนทำให้ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระของนักเรียนเพิ่มขึ้น
ครูมีความกระตือรือร้น นวัตกรรม ส่งเสริมใช้สื่อ จัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่านออก
เขียนได้ทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
2. ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียนสูงขึ้น
3. คณะครูจัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
ของนักเรียนอย่างเป็นระบบ
4. ครูมีสื่อในการจัดกิจกรรมส่งเสริมอ่านออกเขียนได้และอ่านเขียนคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ