ใช้วิธีการวิจัยแบบผสานวิธี ทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยเชิงปริมาณ
การวิจัยเชิงคุณภาพดำเนินการโดยวิเคราะห์เอกสาร
งานวิจัยและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง และสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่กำหนดยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาระดับเด็กปฐมวัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาและการตีความ กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างด้วยการคำนวณสูตรของทาโร
ยามาเน่ และคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยแบบขั้นตอน
รูปแบบยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย
โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ 5 ยุทธศาสตร์ โดยเรียงตามความผันแปร ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาสมรรถนะบุคลากรด้านการจัดประสบการณ์โดยใช้ทักษะ
การบริหารจัดการชีวิตสำหรับเด็กปฐมวัยอย่างมีประสิทธิภาพ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัยให้มีทักษะการบริหารจัดการชีวิตเหมาะสมกับวัย
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยกระดับประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการการศึกษาปฐมวัย
โดยการมีส่วนร่วม และเครือข่ายที่เข้มแข็ง
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาสภาพแวดล้อม ทรัพยากรและนวัตกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิต
ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนาหลักสูตรบูรณาการทักษะการบริหารจัดการชีวิต
แผนการปฏิบัติการทดลองใช้รูปแบบยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย มีดังนี้
1) การเตรียมความพร้อมในการใช้รูปแบบยุทธศาสตร์
ผู้บริหารสถานศึกษา ประชุมชี้แจง
ทำความเข้าใจกับรองผู้อำนวยการสถานศึกษาทั้ง 4 ฝ่าย
เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม
และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และกำหนดค่าเป้าหมาย ตัวชี้วัด
แผนงาน โครงการ กิจกรรม ในการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
แล้วจึงประชุมบุคลากรทั้งโรงเรียนในการร่วมกันทำความเข้าใจยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย
โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และร่วมพิจารณาแนวทางการดำเนินการตามแผนงาน โครงการ กิจกรรม ที่กำหนด
เพื่อกำหนดบทบาทหน้าที่และการดำเนินการตามแผนงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงกำหนดกรอบแนวทาง และวิธีการนิเทศ กำกับ ติดตาม
การวัดประเมินผลการเปรียบเทียบกับค่าเป้าหมายและการปรับปรุงประสิทธิภาพ
การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
2) การจัดเตรียมสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวก
ดำเนินการจัดตั้งสำนักงานอำนวยการและประสานงานการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย
3) การประเมินผลการใช้ยุทธศาสตร์
การดำเนินการประเมินผลการใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย เพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
โดยกระบวนการนิเทศ กำกับติดตาม และพิจารณาแนวทางการปรับปรุงพัฒนาเป็นประจำทุกเดือน
ประเมินผลความพึงพอใจของครูระดับปฐมวัยและพี่เลี้ยงเด็กที่มีต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย
การทดลองใช้รูปแบบยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย
จากนั้นนำผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพแล้ว ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง โดยกำหนดระยะเวลาในการทดลองใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย 1 ปีการศึกษา
พบว่า ยุทธศาสตร์ที่ค้นพบจากการวิจัยนั้นเป็นยุทธศาสตร์ที่มีกระบวนการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย
ซึ่งจำเป็นต้องมีองค์ความรู้ การจัดสภาพแวดล้อม
และบริบทให้เหมาะสมในการบริหารจัดการยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ดังนั้นการวิจัยเพื่อการสืบค้นรูปแบบ
วิธีการ กระบวนการหรือแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในรายยุทธศาสตร์
เพื่อหารูปแบบวิธีการ และปัจจัยที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนแต่ละยุทธศาสตร์โดยตรง
รวมถึงการศึกษารูปแบบการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ เป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้การใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัยโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
หรือสังกัดอื่น มีสัมฤทธิ์ผลทางการศึกษาในการพัฒนาคุณภาพ
และเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่ดียิ่งขึ้น ประโยชน์ที่จะได้รับคือได้องค์ความรู้ การพัฒนาเด็กปฐมวัยและปัจจัยการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย
โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้ยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย
โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่เหมาะสม
และเอื้อต่อการนำไปบริหารจัดการการศึกษาระดับปฐมวัยของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
ให้มีประสิทธิผลสูงสุด และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย
นำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัย
โดยยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร มีความจำเป็นต้องขับเคลื่อนกลยุทธ์ ประกอบไปด้วย 1) พัฒนาบุคลากรให้มีสมรรถนะด้านการจัดประสบการณ์ที่ใช้ทักษะการบริหารจัดการชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ จัดระบบ การบริหารจัดการงานบุคลากรในการพัฒนาสมรรถนะ การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร ด้านความรู้ ความสามารถ รวมทั้งพฤติกรรม คุณลักษณะ ทัศนคติของบุคลากร วัฒนธรรมของหน่วยงาน และปัจจัยสนับสนุนที่จำเป็นต้องมีเพื่อการปฏิบัติงานทั้งด้านความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ในการจัดประสบการณ์โดยใช้ทักษะการบริหารจัดการชีวิต โดยนำกระบวนการนิเทศและการบวนการ PLC (Professional Learning Community) มาใช้ในการติดตาม ประเมินผลและพัฒนาบุคลากร 2) พัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัยโดยใช้ทักษะการบริหารจัดการชีวิต พิจารณากลั่นกรองการกำหนดค่าเป้าหมายการพัฒนา เด็กปฐมที่วัยเหมาะสม โดยพิจารณาผลการวิเคราะห์คุณภาพเด็ก บริบทขององค์กรและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ให้สอดคล้องและเข้ากันได้ดีกับปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอก บริบทขององค์กรและปัจจัยที่เกี่ยวข้องที่จะเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัยให้บรรลุตามเป้าประสงค์ที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพมาตรฐาน 3) สร้างการมีส่วนร่วมและเครือข่ายที่เข้มแข็งในการพัฒนาระบบบริหารจัดการการศึกษาปฐมวัย ดำเนินการสร้างเครือข่ายแบบมีส่วนร่วมโดยการสร้างความเชื่อมโยงของกลุ่มคน หรือกลุ่มองค์กรที่สมัครใจที่จะแลกเปลี่ยนข่าวสารร่วมกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกัน โดยมีการจัดระเบียบโครงสร้างของคนในเครือข่ายด้วยความเป็นอิสระ เท่าเทียมกันเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่ต่อเนื่องเป็นระบบภายใต้พื้นฐานของความเคารพสิทธิ เชื่อถือ เอื้ออาทรซึ่งกันและกันในการดำเนินกิจกรรม 4) ออกแบบและพัฒนาสภาพแวดล้อม ทรัพยากร และนวัตกรรมให้ส่งเสริมต่อการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิต ดำเนินการศึกษาบริบท และสภาพแวดล้อมของโรงเรียน ศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมและกระบวนการหล่อหลอมพฤติกรรมการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย เพื่อออกแบบสภาพแวดล้อม และการเลือกใช้ทรัพยากร รวมถึงนวัตกรรมที่มีความเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน ทั้งด้านเด็กปฐมวัย บุคลากร ผู้ปกครอง และสภาพแวดล้อม 5) พัฒนาหลักสูตรและแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้ทักษะการบริหารจัดการชีวิตบูรณาการกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม ดำเนินการประเมินหลักสูตรและผลการใช้แผนการจัดประสบการณ์ที่โรงเรียนออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยเปรียบเทียบกับค่าเป้าหมายและผลการประเมินคุณภาพเด็กปฐมวัย พัฒนาเป็นหลักสูตรมาตรฐานและแผนการจัดประสบการณ์มาตรฐานของโรงเรียน และ 6) พัฒนารูปแบบการประเมินพัฒนาการทักษะการบริหารจัดการชีวิตบูรณาการ 6 กิจกรรม ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์คุณลักษณะทางพฤติกรรมของเด็กปฐมวัยที่เกี่ยวกับทักษะการบริหารจัดการชีวิต และมาตรฐานเด็กปฐมวัยเพื่อจัดทำเครื่องมือการประเมินที่มีมาตรฐานและสามารถสะท้อนพฤติกรรมที่แสดงถึงการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิต รวมถึง วิธีการประเมินและกรอบระยะเวลาการประเมิน
โรงเรียนวัดบางปะกอก เป็นโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่ประสบความสำเร็จในการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย ที่นำทักษะการบริหารจัดการชีวิต(Executive Functions)มาใช้โดยความร่วมมือของสถาบันอาร์แอลจี (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป) กรุงเทพมหานครบริษัท ดาว ประเทศไทยและหน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานครในการพัฒนาเด็กจนประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย เกิดการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best practice) “รูปแบบยุทธศาสตร์การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชีวิตของเด็กปฐมวัย โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เป็นแบบอย่างและเป็นต้นแบบ มีผลการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนที่เชื่อมโยงกับนวัตกรรมของโรงเรียนเปลี่ยนแปลงเชิงระบบด้วยจิตศึกษา การพัฒนาทักษะทางสมอง และกระบวนการคิด เกิดแนวคิดใหม่ของโรงเรียน(School Concept) คือ ECS: Executive Functions ,Critical Thinking, Systematic Thinking และพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้วยรูปแบบ ECSTATIC Model (โรงเรียนสุขสันต์;very happy and excited) : Executive Functions ,Critical Thinking, Systematic Thinking, Talented, Activity Base Learning, Innovation และ School as Learning Community
กรอบแนวคิดของโรงเรียน(ECSTATIC Model )
กรอบแนวคิดใหม่ของโรงเรียน (School Concept) คือ
ECSTATIC Model
E : Executive
Functions : การพัฒนาสมองส่วนหน้า(ทักษะการบริหารจัดการชีวิต)
C : Critical
Thinking : การคิดเชิงวิพากย์(วิจารณญาณ)
S : Systematic
Thinking : การคิดเชิงระบบ
T : Talented :
มีความสามารถ
A : Activity
Base Learning : การเรียนรู้แบบกิจกรรมเป็นฐาน
I : Innovation
: นวัตกรรม
C : School as
Learning Community : โรงเรียนในฐานะชุมชนแห่งการเรียนรู้
กำหนดผลลัพธ์พึงประสงค์ด้านผู้เรียนโดยกระบวนการSWOT
Analysis และ TOWS Matrix: ระดับสถานศึกษา“Executive
Functions (EF) Critical Thinking และ Systematic Thinking” ที่เน้นการพัฒนาผู้เรียน 1) นักเรียนทุกคนมีคุณธรรม จริยธรรม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และอัตลักษณ์ผู้เรียนแห่งมหานคร ตามที่โรงเรียนกำหนด
2) นักเรียนมีคุณลักษณะและความสามารถตามมาตรฐานทุนมนุษย์ สอดคล้องกับการพัฒนาทักษะศตวรรษที่21
และ SDGs 3) ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นกิจกรรมเป็นฐาน(Activity
Base Learning) และ4) ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน(PBL)
โครงงาน(PjBL) และSTEM Education ที่มุ่งสู่คุณลักษณะของนวัตกรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของบริบททางวิทยาการสังคมและสิ่งแวดล้อม
โรงเรียนวัดบางปะกอกจัดทำหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานสมรรถนะในรูปแบบ
ECSTATIC Model (โรงเรียนสุขสันต์;very happy and excited):
Executive Functions ,Critical Thinking, Systematic Thinking, Talented, Activity
Base Learning, Innovation และ School as Learning Community
กำหนดชุดผลลัพธ์การเรียนรู้ตามสมรรถนะ(LO)คำอธิบายรายวิชาและโครงสร้างรายวิชาเพื่อพัฒนาผู้เรียนจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานออกแบบกรอบหลักสูตรที่ยืดหยุ่นเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนที่แตกต่างกัน
ออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสมกับความต้องการและบริบทของสถานศึกษาโดยยึดสมรรถนะกลางและกรอบแนวคิดเป็นเกณฑ์
ส่งเสริมให้เกิดหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะในรูปแบบ ECS: Executive
Functions ,Critical Thinking, Systematic Thinking และพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้วยรูปแบบ
ECSTATIC Model (โรงเรียนสุขสันต์;very happy and excited):
Executive Functions ,Critical Thinking, Systematic Thinking, Talented, Activity
Base Learning, Innovation และ School as Learning Community
เพื่อพัฒนาผู้เรียนตามบริบทของสถานศึกษา ชุมชน ศักยภาพและความต้องการที่แตกต่างกันของผู้เรียน
โรงเรียนวัดบางปะกอกส่งเสริมและจัดพื้นที่ในการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษามากขึ้น
โดยการบริหารจัดการในรูปแบบ โรงเรียนเป็นฐาน (SBM : School Base Managment)
ดำเนินการออกแบบหลักสูตรฐานสมรรถนะโดยยึดหลักการเรียนรู้แบบ
Active Learning ที่เน้นการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลให้มีสมรรถนะตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีทักษะการบริหารการจัดการชีวิตและทักษะกระบวนการคิดเป็นนวัตกรที่สามารถปรับตัวและดำรงตนอยู่ในสังคมมหานครได้อย่างสมดุลและมีความสุข
มีจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม ความเป็นพลเมืองไทย พลโลก และยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นทุนมนุษย์ที่ทรงคุณค่าของชาติ
การวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนวัดบางปะกอกถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนที่มุ่งสู่ความเป็นนวัตกรและมีสมรรถนะตามหลักสูตร
โดยดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลบริบทของสถานศึกษาและข้อมูลสารสนเทศเพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดคุณภาพการเรียนรู้ตามจุดประสงค์สมรรถนะที่สถานศึกษากำหนดซึ่งโรงเรียนวัดบางปะกอกได้กำหนดวัตถุประสงค์รูปแบบ
แนวทาง วิธีการและเครื่องมือ โดยมีจุดเน้นในการวัดและประเมินผล(Self-Asessment
และ Peer-Assessment) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้
(Learning Process) และมีการวัดและประเมินผลแบบย่อย
(Formative Assessment) อย่างต่อเนื่องเปรียบเทียบค่าเป้าหมายในการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อติดตามความก้าวหน้ารวมถึงวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของผู้เรียนเพื่อสะท้อนข้อมูลย้อนกลับและเป็นการประเมินการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนการวัดประเมินผลโดยการใช้แบบทดสอบ(Summative
Assessment) เพื่อวัดและประเมินผลในการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดแบบอิงเกณฑ์
(Criterion Referenced) และวัดความสำเร็จด้านองค์ความรู้และสมรรถนะของผู้เรียนเป็นรายบุคคลเพื่อให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพตามความสามารถโดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับผู้อื่นดำเนินการวัดประเมินผลแบบอิงกลุ่ม(Norm
- referenced) เพื่อส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาสมรรถนะ(Crucial
Outcomes) ของผู้เรียนที่กำหนดตามสมรรถนะหลักสมรรถนะเฉพาะและตัวชี้วัด
ในการประเมินผลประสิทธิภาพของหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะที่มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนตามจุดเน้นของสถานศึกษา
และมาตรฐานหลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ประเมินหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
ระบบการนำองค์กร
โรงเรียนวัดบางปะกอกเป็นสถานศึกษานำร่องในสังกัดกรุงเทพมหานครและเป็นพื้นที่นวัตกรรมในพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
โดยใช้แนวคิดหลักการของหลักสูตรฐานสมรรถนะ ใช้ข้อมูลบริบทต่าง ๆ ทั้งระดับท้องถิ่น
และใช้ข้อมูล (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช .... และ
(ร่าง) คู่มือการใช้กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช.... ระดับประถมศึกษา หลังจากนั้นทางสถานศึกษาได้เสนอหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะให้คณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาผ่านคณะทำงานกลั่นกรองหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
ที่ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ บุคลากรครูและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสถานศึกษา
ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมเครือข่ายผู้ปกครองคณะกรรมมาธิการวิสามัญการศึกษาและนักวิชาการด้านการศึกษา
ในการเข้าร่วมประชุมและประชุมปฏิบัติการ Work shop ร่วมกัน ร่วมกับสำนักการศึกษากรุงเทพมหานครในการเรียนรู้ร่วมกันและอบรมปฏิบัติการดำเนินงานพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะของสถานศึกษา
ระบบพัฒนาครูด้วยPLC
(Professional Learning Community) ชุมชนแห่งการเรียนรู้ และ
PLN (Personal Learning Network) เครือข่ายการเรียนรู้สู่บุคคล
ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
โรงเรียนวัดบางปะกอก
ดำเนินการพัฒนานักเรียนเป็นบุคคลเพื่อส่งเสริมคุณภาพผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
สติปัญญา ความสามารถ เป็นแบบอย่างและเป็นต้นแบบ มีผลการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนที่เชื่อมโยงกับนวัตกรรมของโรงเรียนเปลี่ยนแปลงเชิงระบบด้วยจิตศึกษา
การพัฒนาทักษะทางสมองและกระบวนการคิด เกิดแนวคิดใหม่ของโรงเรียน (School Concept) คือ
ECS: Executive Functions ,Critical Thinking, Systematic Thinking และพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมฟการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ด้วยรูปแบบ ECSTATIC Model (โรงเรียนสุขสันต์;very
happy and excited): Executive Functions ,Critical Thinking, Systematic Thinking,
Talented, Activity Base Learning, Innovation และ School as
Learning Community ดำเนินการด้วยการส่งเสริมสนับสนุนผู้เรียนมีการป้องกันและการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนก็เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนา โดยจัดให้มีระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีกระบวนการคัดกรอง
การศึกษารายกรณี การดูแลช่วยเหลือและการส่งต่อที่เป็นความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายประกอบด้วย
ผู้อำนวยการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ บุคลากรครูหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสถานศึกษา
ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมเครือข่ายผู้ปกครองคณะกรรมมาธิการวิสามัญการศึกษาและนักวิชาการด้านการศึกษา
ในการเข้าร่วมประชุมและประชุมปฏิบัติการ Work shop ร่วมกัน ร่วมกับสำนักการศึกษากรุงเทพมหานครในการดูแลช่วยเหลือผู้เรียนอย่างใกล้ชิดด้วยความรัก
และเมตตาที่มีต่อศิษย์ และภูมิใจในบทบาทที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้เติบโตงอกงาม
เป็นบุคคลที่มีคุณค่าของสังคมสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษา
เครือข่ายทำงานกับผู้ปกครอง
โรงเรียนวัดบางปะกอกได้กำหนดบทบาทเครือข่ายผู้ปกครอง
เพื่อสร้างความร่วมมือในการดูแลช่วยเหลือระหว่างผู้ปกครองกับสถานศึกษาเพื่อการดำเนินงานสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบ้านกับโรงเรียน
ในการพัฒนาและดูแลช่วยเหลือผู้เรียนมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
และแนวคิดระหว่างผู้ปกครอง ครูและผู้เรียนจัดทำโครงการโรงเรียนพ่อแม่และการส่งต่อระหว่างบ้านโรงเรียน
จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ประสบการณ์ความสามารถในการดูแลช่วยเหลือตนเองมีทักษะชีวิตและค่านิยมเชิงบวก
มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตอาสามีความสามัคคีช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันมีการติดต่อสื่อสารระหว่าง
พ่อแม่ ผู้ปกครองและโรงเรียน ทั้งในระบบปกติและ Social Network ในการประสานความร่วมมือได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจัดให้มีคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองทั้งในระดับห้องเรียนระดับสายชั้น
และระดับโรงเรียน โดยมีบทบาทและหน้าที่ในการสนับสนุนกิจกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษาเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครูผู้ปกครองและสนับสนุนการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษาร่วมแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะต่อสถานศึกษาในเรื่องต่าง
ๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนและสถานศึกษาในรูปแบบโรงเรียนแห่งการเรียนรู้
(School as Learning Community) เป็นกรอบแนวคิดของการพัฒนาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาแบบร่วมคิด
ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบและร่วมชื่นชมความสำเร็จ
ระบบบรรยากาศ/สื่อ/แหล่งเรียนรู้
โรงเรียนวัดบางปะกอกจัดแหล่งการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการผู้เรียนให้สอดคล้องกับความแตกต่างของผู้เรียนสามารถแก้ไขปัญหาการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจ
ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ให้เกิดกระบวนการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทำงาน ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
ทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศในการพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียน จัดให้มีห้องเรียนเชิงบวกเพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในการจัดสภาพแวดล้อมบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้
การพัฒนาศักยภาพ มีความปลอดภัยและมีความสุข พัฒนาสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล สารสนเทศที่จำเป็นเพื่อสร้างบรรยากาศในการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับกับหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะที่สถานศึกษากำหนด
เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะกระบวนการคิดและสมรรถนะในการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ
ที่ส่งผลให้ผู้เรียนมีสมรรถนะ ทัศนคติเชิงบวก มีกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ มีแรงบันดาลใจในการมุ่งสู่เป้าหมายและมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ส่งเสริมต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และเสริมแรงให้ผู้เรียนมีความมั่นใจในการพัฒนาตนเองให้เต็มตามศักยภาพ