ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยใช้วิธีการเรียนรู้ ๔ ขั้นตอนง่าย ๆ สไตล์ครูยุวดี ดังนี้
๑. บทนำเพลินใจ
เป็นขั้นแรกของกิจกรรม
ใช้การกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน โดยใช้กลวิธีดังนี้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนเป็นการปลุกเร้าความสนใจ
จะต้องทำให้นักเรียนประทับใจ สนุก และอยากเรียนรู้ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีที่หลากหลาย
เพื่อไม่ให้นักเรียนรู้สึกว่าซ้ำซาก และเบื่อหน่าย เช่น Brain Gym เกม เพลง นิทาน ปริศนาคำทาย
การใช้คำถาม และ ข่าวเหตุการณ์ เป็นต้น โดยเปิดโอหาสให้นักเรียนฝึกกระบวนการคิด สังเกต
จดจำ ซึ่งการฝึกเป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดทักษะอันจะส่งผลให้คิดเป็น แก้ปัญหาได้
ตัดสินใจกระทำการบนพื้นฐานของเหตุผล ได้อย่างชาญฉลาดในอนาคต
๒. ความรู้ใหม่น่าศึกษา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใด ๆ ก็ตาม
หากสามารถสร้างความตระหนักในความสำคัญของเรื่องที่จะเรียนได้
จะส่งผลให้นักเรียนกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมกิจกรรมปฏิบัติกิจกรรมด้วยความเต็มใจ
เพราะเป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมาย และนำไปใช้ในชีวิตจริงได้
กิจกรรมสำคัญในขั้นนี้ มีดังนี้
ฝึกคิดอย่างรอบคอบ การสังเกตและคิดอย่างหลากหลายเกี่ยวกับเรื่องราวหรือเนื้อหาที่รับรู้ จะช่วยให้นักเรียนมองเห็นความสำคัญของสิ่งนั้นได้
เช่น ฝึกคิดขั้นสูง (วิเคราะห์ ประเมินค่า และคิดสร้างสรรค์) โดยใช้เทคนิควิธีการต่าง
ๆ
ถามตอบอย่างชาญฉลาด การใช้คำถามอย่างหลากหลายกระตุ้น
ยั่วยุ เพื่อให้นักเรียนฝึกคิดและตอบในสิ่งที่ตนเองคิด
จะทำให้ครูรู้เท่าทันความคิดของนักเรียน ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนกิจกรรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักเรียนอีกทั้งยังเป็นการฝึกทักษะการคิดให้กับนักเรียน ไปพร้อม ๆ กัน
ใช้สื่อหลากหลาย ออกแบบกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักให้นักเรียนเห็นคุณค่าของเรื่องที่จะเรียน โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
(Active Learning) ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้สื่ออย่างหลากหลาย
เพื่อให้นักเรียนได้สัมผัสกับแหล่งเรียนรู้หลาย ๆ
ประเภท อันจะเป็นข้อมูลให้นักเรียนตัดสินใจเลือกปฏิบัติได้อย่างมั่นใจ เช่น เกม
เพลง นิทาน แหล่งเรียนรู้ในชุมชน ห้องสมุด สอบถามผู้รู้ เป็นต้น ทั้งนี้ครูต้องเป็นผู้ออกแบบ
และจัดการเรียนรู้ รวมทั้งกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
คอยใช้คำถามกระตุ้นชี้นำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากการใช้สื่อเหล่านั้น นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง
ทั้งนี้ทุกกิจกรรมเรียนรู้จากรูปธรรมไปหานามธรรม
และพัฒนา EF ไปพร้อม ๆ กันด้วย
๓. พัฒนาองค์ความรู้สำหรับตน
ขั้นนี้เป็นการฝึกทักษะให้นักเรียน อ่าน
เขียน
ทั้งนี้ทั้งสองทักษะต้องพัฒนาควบคู่กันไป
การอ่านเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่นักเรียนจะต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทั้งการอ่านในใจและการอ่านออกเสียง
เพื่อเสริมสร้างความสุขในการอ่าน ข้าพเจ้าจึงสร้างวรรณกรรม
ซึ่งเป็นนิทานชุดสระเดี่ยวพาเพลิน จำนวน ๑๘ เล่ม ควบคู่กันไป ประจำหน่วย เนื้อหาในนิทานสนุกสนาน สอดแทรกคุณธรรม
และมีภาพประกอบสวยงาม
จากนั้นสร้างแบบฝึกการเขียนให้สอดคล้องกับเรื่องที่อ่าน ซึ่งทำให้นักเรียน
เรียนรู้อย่างสนุกสนานและบูรณาการ
รวมทั้งใช้สื่อ นวัตกรรมอื่น ๆ อย่างหลากหลายทั้งที่ครูเป็นผู้ผลิต
และนักเรียนผลิตขึ้นเอง
๔. ประเมินผลหลากหลาย
ดำเนินการในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ในการพัฒนา
มีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้
กำหนดวิธีการวัดประเมินผล
เครื่องมือที่ใช้วัด และเกณฑ์การวัดไว้อย่างชัดเจน
ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนการสอน
มีความครอบคลุมทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ
ใช้วิธีการวัดและประเมินผลที่หลากหลายรูปแบบ
ได้แก่ การประเมินตามสภาพจริง การประเมินโดยใช้แฟ้มพัฒนางาน การประเมินตนเอง
เพื่อนประเมินเพื่อน ครูและผู้ปกครองร่วมกันประเมิน
วิธีการ เก็บรวบรวมข้อมูล ได้ใช้วิธีการสังเกต
การตรวจผลงาน การทดสอบความรู้ การตรวจสอบการปฏิบัติ การแสดงผลงาน
ส่วนในการประเมินความสามารถหรือทักษะทางภาษาจะใช้การประเมินแบบ Rubrics
เพื่อมุ่งเน้นให้มีผลการประเมินตรงกับความสามารถที่แท้จริงของนักเรียน
เมื่อทำการวัดและประเมินผลแล้วได้นำผลการประเมินมาใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาผู้เรียนโดยทำการซ่อมเสริมให้กับนักเรียนที่มีปัญหา
หรือส่งเสริมนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง
จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอน ๔ ขั้นตอนง่าย ๆ สไตล์ครูยุวดี และจากการสังเกตพบว่านักเรียนมีความสุขในการเรียน ตั้งใจเรียน สรุปองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง
พร้อมจะเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านการเขียนดีขึ้น
เป็นไปตามเป้าหมายของสถานศึกษา