สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร
Department of Education
ผัก ปลูก เด็ก (บูรณาการศาสตร์พระราชา)
โรงเรียนบ้านเจียรดับ
กระบวนการพัฒนา

1 เสนอรายละเอียดกิจกรรมกับผู้บริหารสถานศึกษา

2. ประชุมคณะครูและบุคลากรในการบูรณาการเกษตรพอเพียง เข้าในรายวิชา หรือบ้านทักษะของครูแต่ละท่าน และแต่งตั้งคณะกรรมการผู้รับชอบ

3. กำหนดแผนงานการดำเนินการดังนี้

     3.1 กิจกรรมโรงเรียนเด็กกินผัก

    .3.2 กิจกรรมตลาดนัดพอเพียง

    .3.3 กิจกรรมเครือข่ายพอเพียง

4. นักเรียนเรียนรู้และปฏิบัติจริงในการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่างๆที่ครูสอน

5.  ขยายผลความรู้ไปสู่ครอบครัวและชุมชน

6. นำผลผลิตที่ได้จากการจัดการเรียนการสอน มาใช้บำรุงผักสวนครัว ต้นไม้ ในโรงเรียนหรือที่บ้าน และนำส่วนที่เหลือมาจำหน่ายที่ตลาดนัดพอเพียงที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น

7. ครูประเมินกิจกรรมร่วมกัน

8. ประเมินกิจกรรมทุกขั้นตอน เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขและนำเสนอผู้อำนวยการสถานศึกษา

โครงการประกอบด้วย

 1.      กิจกรรมโรงเรียนเด็กกินผัก

 

กิจกรรม

 

รายละเอียดการทำกิจกรรม

กิจกรรมปลูกผักแบบ STEAM

     การเรียนรู้ด้วยการบูรณาการศาสตร์พระราชาผ่านกิจกรรมด้วยการเรียนการสอนแบบ STEAM  (Science-Tech-Engineer-Art-Maht)

     กิจกรรมขยะ(แห้ง)แปลงร่าง ประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติกหรือวัสดุเหลือใช้

     กิจกรรมชาวนาน้อย การปลูกข้าวในกระถาง  การปลูกผักสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ และพืชสมุนไพร

     การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL)     

กิจกรรมปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ

      จัดกลุ่มให้นักเรียนปรุงอาหารตามกำหนด โดยให้มีส่วนประกอบของผักหรือผลไม้

     อนุบาล  อาหารดีมีประโยชน์

    นักเรียนชั้น ป.ปลูกต้นอ่อนทานตะวัน

    นักเรียนชั้น ป.เมนูจากไข่และปลูกต้นอ่อนทานตะวัน

    นักเรียนชั้น ป.3 อาหารจากผักสวนครัวและปลูกต้นอ่อนผักบุ้ง

    นักเรียนชั้น ป.4 เมนูไม้ดอกไม้ประดับกินได้

    นักเรียนชั้น ป.5 ทำอาหาร ตลาดนัดชวนน้องกินผัก

    นักเรียนชั้น ป.6 ทำอาหารไทยจากสมุนไพรไทย

กิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคผักและผลไม้

   - การส่งเสริมความรู้ ความตระหนักเกี่ยวกับหลักการบริโภค และประโยชน์ของการบริโภคผักและผลไม้ โดยใช้ป้ายนิเทศภายในบริเวณโรงอาหาร

   - การส่งเสริมความรู้ ความตระหนักเกี่ยวกับหลักการบริโภค และประโยชน์ของการบริโภคผักและผลไม้โดยการผลิตสื่อแผ่นพับ “กินดี มีสุข” ทุกเดือน แจกให้กับเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียน รวมทั้งผู้ปกครองและชุมชน

 

 

2.      กิจกรรมตลาดนัดพอเพียง

2.1 การดำเนินกิจกรรมตลาดนัดพอเพียง ดังนี้

             - ร้านค้าต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 3 คน

             - สินค้าต้องเป็นสินค้า ที่ประดิษฐ์ขึ้นเองหรือให้ผู้ปกครองช่วยนิดหน่อย

             - สินค้าจะต้องทำมาจากเศษวัสดุเหลือใช้ เช่น ดินพร้อมปลูก ปุ๋ยหมัก สบู่ทำเอง
                 น้ำยาอเนกประสงค์ เสื้อผ้ามือสอง ของเล่นประดิษฐ์เองหรือมือสอง หนังสือมือสอง
                 ผักไร้สารพิษที่ปลูกเอง  เป็นต้น

             - สินค้าต้องไม่เป็นอันตรายกับผู้ซื้อ

             - ราคาสินค้าต้องไม่เกิน ชิ้นละ 20 บาท

             - ต้องมีป้ายร้านและราคาสินค้า

2.2  เปิดตลาดพอเพียงทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน ในตลาดนัดนี้นอกจากจะมีร้านขายของนักเรียนแล้ว
        ยังมีการเปิดรับซื้อขยะรีไซเคิล และบูทในการให้ความรู้เกี่ยวกับการแยกและกำจัดขยะอีกด้วย

2.3  ผู้ขายทุกร้านต้องบันทึกรายรับ รายจ่าย กำไร และสิ่งที่ได้เรียนรู้ในการร่วมกิจกรรมนี้

      2.4  ขยายผลความรู้ไปสู่ครอบครัวและชุมชน ด้วยการให้นักเรียนเชิญชวนผู้ปกครองและชาวบ้าน
              มาร่วมกิจกรรมนี้ที่โรงเรียน

2.5  ครูที่บูรณาการกิจกรรมนี้กับวิชาตนเองสามารถวัดประเมินผลตามตัวชี้วัดของวิชาได้

 

3. กิจกรรมเครือข่ายพอเพียง

    3.1 ประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ปกครองรับทราบเกี่ยวกับกิจกรรม คือ

- เชิญชวนทุกคนร่วมศึกษาและลงมือปฏิบัติไปพร้อมกัน ผ่านกิจกรรมที่นักเรียนได้เรียนที่โรงเรียน ได้แก่ การปลูกผักไร้สารพิษไว้กินเอง การทำปุ๋ยหมัก การทำปุ๋ยชีวภาพ การทำน้ำยาอเนกประสงค์ การทำสบู่ การเลี้ยงไส้เดือน การลด แยก กำจัด ขยะชนิดต่างๆ ในครัวเรือนของตนด้วยวิธีต่างๆ เป็นต้น  พร้อมกับบันทึก ภาพถ่าย หรือ คลิปวีดีโอ การพึ่งพาตนเอง พร้อมบรรยาย ส่งมาในแฟนเพจ ผัก ปลูก เด็ก

      - เชิญชวนผู้ปกครองและนักเรียนขยายเครือข่ายพอเพียงก็เพียงพอ ไปยังเพื่อนบ้านในชุมชนของตน

3.2 ทางโรงเรียนจะมีการจัดอบรม และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการลด แยก กำจัด ขยะด้วยวิธีต่างๆให้กับผู้ปกครองและผู้ที่สนใจ

3.3 คณะกรรมการคัดเลือก ยอดคุณครู และครอบครัวพอเพียงก็เพียงพอ ประจำสายชั้นต่างๆ เพื่อรับรางวัลและแบ่งปันประสบการณ์ ในการใช้ชีวิตแบบพอเพียงของตน

 


ผลจากการปฏิบัติ

1. นักเรียนได้นำความรู้ตามแนวเศรษฐกิจแบบพอเพียงไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ คิดเป็นร้อยละ 92.96

2. โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้และมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 91.84


เอกสารเพิ่มเติม :[ดาวน์โหลดเอกสาร]