สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร
Department of Education
การพัฒนารากฐานการอ่านสู่ความเป็นเลิศ
โรงเรียนวัดกำแพง
กระบวนการพัฒนา

ลักษณะสำคัญของวิธีหรือแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ

ในปีการศึกษา 2561 ถึงปัจจุบัน มีการส่งเสริมการพัฒนาการอ่านอย่างเป็นระบบโดยกำหนดกรอบ

แนวคิด ซึ่งศึกษาการถอดบทเรียนความสำเร็จของการดำเนินการการพัฒนาการอ่าน (Best practice) ของโรงเรียน  เป็นกรอบการดำเนินการร่วมกับทฤษฎีหลัก ประกอบด้วย ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Constructivist Theory)  ทฤษฎีระบบ (System Theory) วงจรคุณภาพ (Deming Cycle) ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning Theory) และทฤษฎีของการจูงใจ (Theories of motivation) ซึ่งดำเนินการอย่างเป็นระบบชัดเจนมีความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งผู้บริหาร ครู บุคลากรในโรงเรียน ผู้ปกครอง และผู้เรียน โดยมีการวางแผนพัฒนาจากนโยบายกระบวนการวิธีการ ในปีการศึกษาที่ผ่านมาและเพิ่มเติมโดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการอ่าน มีการประชุมชี้แจงอภิปราย กำหนดนโยบายและแนวทางแก้ปัญหาการอ่านร่วมกันทุกฝ่าย ตลอดจนมีการสร้างสื่อนวัตกรรมหนังสือเล่มเล็ก              ที่ครอบคลุมทุกระดับชั้นเรียนเพื่อสะดวกในการนำไปใช้พัฒนาผู้เรียน สร้างแบบทดสอบการอ่านและเกณฑ์      การประเมินการอ่านแต่ละระดับชั้นอย่างชัดเจน มีการทดลองใช้เครื่องมือและนำไปปรับปรุงให้มีความถูกต้อง       แล้วนำมาใช้ประเมินการอ่านทุกเดือน ทุกระดับชั้น  สรุปผล ประเมินผล และรายงานผลอย่างเป็นระบบและนำมาพัฒนา นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาการอ่านเพิ่มเติมให้กับผู้เรียนทุกคน ทุกระดับชั้น ส่งผลให้การพัฒนาการอ่านของโรงเรียนประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ จึงถือเป็นแนวทางในการพัฒนาการอ่านของโรงเรียน

 

วัตถุประสงค์

     1.  เพื่อแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก-ไม่คล่อง

     2.  เพื่อพัฒนาทักษะและคุณลักษณะด้านการอ่านของผู้เรียน

     3.  เพื่อผดุงคุณภาพทักษะการอ่านของผู้เรียน

     4.  ส่งเสริมความเป็นเลิศทักษะด้านการอ่านของผู้เรียน

 

เป้าหมาย

ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ

และ/หรือ ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ

เชิงปริมาณ

           -  ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 -  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  ร้อยละ 100 ผ่านการประเมินการอ่าน

          เชิงคุณภาพ

          -  ผู้เรียนร้อยละ 100 มีผลการประเมินการอ่านผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานของโรงเรียนร้อยละ 70            

                    -  ผู้เรียนร้อยละ  100  มีผลการประเมินการอ่านผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานของสำนักการศึกษาร้อยละ  70

 

๒. ลำดับขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมพัฒนา FIOW Chart (แผนภูมิ) ของวิธีหรือแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ

สอนซ่อมเสริม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


จากแผนภูมิข้างต้นมีวิธีการดำเนินงานดังนี้

1. ศึกษาวิเคราะห์ SWOT และทำ TOWS Matrix ด้านการอ่านผู้เรียนโรงเรียนวัดกำแพง

          2. ประเมินสภาพการอ่านของผู้เรียนทุกระดับชั้น วิเคราะห์และคัดกรองการอ่านของผู้เรียน

แบ่งเป็นกลุ่ม อ่านไม่ออก กลุ่มอ่านไม่คล่อง และกลุ่มอ่านคล่อง

3. ประชุมครูและบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียน เพื่อหาแนวทางและกำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาการอ่าน

ตลอดจนแบ่งหน้าที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน โดยแบ่งผู้เรียนที่มีปัญหาการอ่านให้ครูทุกคนรับผิดชอบสอนอ่าน   พร้อมทั้งมีการรายงานผลอย่างเป็นระบบ

4. คณะครูร่วมกันวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสร้างสื่อนวัตกรรมหนังสือเล่มเล็กคำพื้นฐานระดับชั้นเรียน

เพื่อนำมาให้ครูและผู้ปกครองใช้สอนและทบทวนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านให้กับผู้เรียนตลอดจนให้ผู้เรียนฝึกอ่านอย่างสม่ำเสมอ

5. ประชุมผู้ปกครองของผู้เรียนที่มีปัญหาการอ่าน ชี้แจง อภิปราย กำหนดนโยบายในการดำเนินการแก้ไข

ปัญหาการอ่าน โดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการอ่าน คือให้ผู้เรียนอ่านหนังสือให้ผู้ปกครองฟัง แล้วบันทึกคำที่อ่านไม่ได้ ลงในสมุดบันทึก และนำมาฝึกอ่านกับครูผู้รับผิดชอบเพื่อฝึกอ่านคำหรือข้อความนั้น ๆ         ให้ถูกต้อง

6. โรงเรียนจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาการอ่านของผู้เรียนอย่างชัดเจน โดยจัดให้ผู้เรียนอ่านหนังสือ

ตามความสนใจในช่วงเช้าเวลา 06.30-07.45 น. ซึ่งมีการจัดตะกร้าหนังสือที่หลากหลายและเพียงพอให้กับผู้เรียนทุกชั้นเรียน ทั้งนี้มีครูและผู้เรียนกลุ่มแกนนำมาช่วยดูแลการอ่าน และสอนผู้เรียนกลุ่มที่มีปัญหาการอ่าน  ทุกวัน

7. โรงเรียนสร้างแบบฝึกเพื่อใช้ประเมินการอ่านของผู้เรียนทุกระดับชั้นเรียนทุกเดือน นำมาทดสอบและ

รายงานผลทุกเดือนอย่างเป็นระบบเพื่อนำผลมาพัฒนาต่อไป

 


ผลจากการปฏิบัติ

3.1 โรงเรียนมีผลการประเมินความสามารถด้านการอ่าน ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (Reading Test :

RT) สูงกว่า ระดับจังหวัด ศึกษาธิการภาค สังกัด และระดับประเทศ

3.2 โรงเรียนมีผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานผู้เรียนระดับชาติ ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (National

Test : NT) สูงกว่าหน่วยงานต้นสังกัดและระดับประเทศทุกด้าน

3.3 โรงเรียนมีผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary

National Educational Test  : O-NET) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสูงกว่าระดับจังหวัด สังกัด ภาคและระดับประเทศ

3.4 นำแนวทางการพัฒนาการอ่านภาษาไทยถอดบทเรียนไปใช้ในการพัฒนาภาษาอังกฤษส่งผลให้      

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมีผลการประเมินการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานของผู้เรียน           ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Ordinary National Educational Test  : O-NET)  สูงกว่าระดับประเทศ

3.5 ผู้เรียนทุกคนมีผลพัฒนาการอ่านดีขึ้น

 

4. บทเรียนที่ได้รับ

กระบวนการพัฒนาการอ่านของโรงเรียนนำไปใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนากลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ได้

5. ปัจจัยความสำเร็จ

5.1 ความร่วมมือของบุคลากรครู ผู้ปกครองและผู้เรียน

5.2 นโยบายด้านการบริหารจัดการ กระบวนการกำกับติดตามอย่างต่อเนื่อง

5.3 กระบวนการประเมินผลและนำมาใช้ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจริง ๆ

5.4 มีรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมโดยความจริงใจ

6. การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับ และ/หรือรางวัลที่ได้รับ

        6.1 โรงเรียนได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ระดับประถมศึกษา การแข่งขันตอบคำถามสารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน ครั้งที่ 27

        6.2 นักเรียนได้รับรางวัลชนะเลิศการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น การประกวดความสามารถของนักเรียนที่ศึกษาในศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์และโรงเรียนสังกัด

กรุงเทพมหานคร“การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียน ในกรุงเทพมหานคร”

         6.3 นักเรียนได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และรางวัลชมเชยอันดับ 2 ระดับประถมศึกษาตอนปลาย การแข่งขันการอ่านบทร้อยกรองทำนองเสนาะ การแข่งขันทักษะทางวิชาการเครือข่ายที่ 71 - 72 ประจำปีการศึกษา 2566

         6.4 เผยแพร่ผลงานการพัฒนาการอ่านให้กับโรงเรียนที่มาศึกษาดูงาน  

         6.5 เผยแพร่ผลงานการพัฒนาการอ่านผ่านการจัดนิทรรศการวิชาการเขตบางขุนเทียน