จุดเด่นของนวัตกรรม
“การพัฒนาผู้เรียนด้วยระบบดูแลช่วยเหลือ C-WIMUT-SS MODEL”
คือการร่วมมือ ร่วมใจ ระหว่าง โรงเรียน ผู้ปกครอง และหน่วยงานเครือข่าย
ที่เกี่ยวข้อง ในการส่งเสริมพัฒนา ป้องกัน
และแก้ไขปัญหา เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีทักษะ การดำรงชีวิต
และรอดพ้นจากวิกฤตทั้งปวงตามกระบวนการ 7
ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1การรู้จักผู้เรียนเป็นรายบุคคลคือการรู้จักข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับตัวผู้เรียนนำข้อมูล มาวิเคราะห์เพื่อการคัดกรอง ส่งเสริม ป้องกันและแก้ไขปัญหาของผู้เรียนได้อย่างถูกต้อง โดยครูที่ปรึกษาสังเกต และบันทึกข้อมูลผู้เรียนจากระเบียนสะสมผู้เรียน
โดยปรึกษาและร่วมมือกับผู้ปกครอง
ขั้นตอนที่ 2
การวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลคือการนำข้อมูลที่ได้จากแบบบันทึกข้อมูลการรู้จักผู้เรียนรายบุคคล
การประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน (Strengths and Difficulties Questionnaire: SDQ) มาวิเคราะห์ข้อมูลสรุปแต่ละด้านก่อนที่จะคัดกรองซ้ำอีก
1 ครั้ง โดยวิเคราะห์ผู้เรียนแบ่งตามด้าน ได้แก่ ด้านการเรียน ด้านสุขภาพกาย
สุขภาพจิต ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ/ครอบครัว ด้านการคุ้มกันสารเสพติด
ขั้นตอนที่ 3
การคัดกรองเพื่อจัดกลุ่มตามสภาพปัญหาดังนี้ 1) กลุ่มปกติ คือ ผู้เรียนที่ได้รับการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ
ตามเกณฑ์การคัดกรองของโรงเรียนอยู่ในเกณฑ์ของกลุ่มปกติ
ซึ่งควรได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันและการส่งเสริมพัฒนา 2) กลุ่มเสี่ยง คือ
ผู้เรียนที่อยู่ในเกณฑ์ของกลุ่มเสี่ยงตามเกณฑ์การคัดกรองของโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนต้องให้การป้องกันและแก้ไขตามกรณี
2) กลุ่มมีปัญหา คือ ผู้เรียนที่จัดอยู่ในเกณฑ์ ของกลุ่มมีปัญหาตามเกณฑ์การคัดกรองของโรงเรียน
ซึ่งโรงเรียนต้องช่วยเหลือและแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน
ขั้นตอนที่ 4 การช่วยเหลือ 4.1) การส่งเสริมและการพัฒนา
เป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียนทุกคนที่อยู่ในความดูแลของครูที่ปรึกษาไม่ว่าจะเป็นผู้เรียนกลุ่มปกติหรือกลุ่มเสี่ยง/มีปัญหา
ให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยการจัดกิจกรรมช่วยเหลือ
เช่นการจัดกิจกรรมโฮมรูม/กิจกรรมแนะแนว บ้านทักษะชีวิต
การจัดประชุมผู้ปกครองชั้นเรียน เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมและร่วมกันพัฒนาผู้เรียน ส่งเสริมความสามารถด้านกีฬา การส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีศิลปะ เน้นสร้างผู้เรียนให้มีภาวะเป็นผู้นำ มีความรับผิดชอบ
ด้วยกิจกรรมสภาผู้เรียน ผู้เรียนแกนนำห้องเรียน สู้ฝุ่น ยุวบรรณารักษ์
เป็นต้น 4.2) การป้องกันและแก้ไขปัญหา
ในการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน
ครูที่ปรึกษาควรให้ความเอาใจใส่กับผู้เรียนทุกคนเท่าเทียมกัน แต่สำหรับผู้เรียนกลุ่มเสี่ยง/มีปัญหานั้น
จำเป็นอย่างมากที่ต้องดูแลให้ความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดและหาวิธีการช่วยเหลือ ทั้งการป้องกันและ การแก้ไขปัญหา
โดยไม่ปล่อยปละละเลยผู้เรียนจนกลายเป็นปัญหาของสังคม
ขั้นตอนที่ 5การส่งต่อ คือ
การป้องกันและแก้ไขปัญหาของผู้เรียนโดยครูที่ปรึกษาตามกระบวนการในข้อ 4 นั้น
อาจมีบางกรณีที่ปัญหามีความยากต่อการช่วยเหลือ
หรือช่วยเหลือแล้วผู้เรียนมีพฤติกรรมไม่ดีขึ้นควรดำเนินการส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่อไป
เพื่อให้ปัญหาของผู้เรียนได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างถูกทางและรวดเร็วขึ้น
หากปล่อยให้เป็นบทบาทหน้าที่ของครูที่ปรึกษาหรือครู-อาจารย์คนใดคนหนึ่งเท่านั้น ความยุ่งยากของปัญหาอาจมีมากขึ้น
หรือลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่โตจนยากต่อการแก้ไข
ขั้นตอนที่ 6 การติดตามผล
ผู้เกี่ยวข้องต้องมีการติดตามผลการช่วยเหลือ เป็นระยะ (แล้วแต่กรณีของปัญหา)
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นอีก
ขั้นตอนที่ 7 การรายงานสรุปผล
ผู้เกี่ยวข้องมีการรายงานสรุปผลผู้เรียนที่ติดตามช่วยเหลือ
ผลการใช้นวัตกรรม“การพัฒนาผู้เรียนด้วยระบบดูแลช่วยเหลือ
C-WIMUT-SS
MODEL”ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ครู ผู้บริหารสถานศึกษาชุมชน
หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านพฤติกรรม พัฒนาการหรือ การเรียนรู้ มีดังนี้
1. ผู้เรียนทุกคนได้รับการดูแล ช่วยเหลือ พัฒนา
และส่งเสริมด้วยกิจกรรมจากทางโรงเรียน ทำให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบ เป็นผู้นำ
ผู้ตาม มีวินัย กล้าแสดงออกถึงความสามารถ มีความภูใจในตนเอง และมีความสุข ในการมาเรียน
2. ครอบครัวให้ความร่วมมือในการพัฒนาผู้เรียนร่วมครูประจำชั้น
และมีความภูมิใจต่อพัฒนาการ และความสามารถของบุตรหลาน
บางครอบครัวได้รับความช่วยเหลือด้านทุนการศึกษา
3. ชุมชนให้ความร่วมมือในการพัฒนาผู้เรียน และร่วมกิจกรรมของโรงเรียน
ผลการดำเนินงาน
-โรงเรียนได้รับรางวัล หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม เหรียญทองแดง ระดับประเทศ จากคุรุสภา โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มอบรางวัล