1.
วิธีหรือแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ ของโรงเรียนคลองกุ่ม (เสรีไทย
อนุสรณ์)
1.
วิธีปฏิบัตินั้นดำเนินการบรรลุผลได้สอดคล้องกับความคาดหวังของชุมชนหรือผู้ปกครองที่มีต่อ
สถานศึกษา หรือเป็นวิธีปฏิบัติที่สร้างความพึงพอใจให้กับทุกคนในสถานศึกษาได้
ดังนี้
1.1 โรงเรียนมีการการวางแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน
1.2 ก่อนการดำเนินงานมีการออกแบบสอบถามนักเรียน
ชุมชน ผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งบุคลากร
ทางการศึกษาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
1.3 ดำเนินการตามแผนที่วางไว้
1.4 สรุปผล/รายงาน
1.5 ปรับปรุงแก้ไข
2
โรงเรียนมีวิธีปฏิบัติผ่านกระบวนการนำไปใช้อย่างเป็นวงจร
จนเห็นผลอย่างชัดเจนว่า ทำให้เกิด
คุณภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ วิธีปฏิบัตินั้นมีกระบวนการ PDCA จนเห็นแนวโน้มตัวชี้วัดความสำเร็จที่ดีขึ้น ดังนี้
1.
ขั้นวางแผนดำเนินงาน (PLAN)
1.1 ประชุมบุคลากรเพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจร่วมกันถึงวิธีหรือแนว
ปฏิบัติที่เป็นเลิศ
(Best
Practice) ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3
1.2 นำเสนอโครงการ/กิจกรรม
ที่สนับสนุนวิธีหรือแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
ต่อฝ่ายบริหารเพื่อขออนุมัติ
1.3 จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน
1.4 ประชุมคณะกรรมการเพื่อวางแผนดำเนินงาน
2 ขั้นดำเนินการ (DO)
2.1 ขั้นเตรียมการ
2.2 ขั้นดำเนินการตามโครงการ/กิจกรรม
ที่สนับสนุนวิธีหรือแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ
(Best Practice)
.3 ขั้นตรวจสอบ ทบทวน และประเมินผล
(CHECK)
3.1 นิเทศ กำกับ ติดตาม
3.2 ประเมินผลการดำเนินงานตามโครงการ/กิจกรรม
4 ขั้นปรับปรุงแก้ไข/พัฒนา (ACT)
4.1 รวบรวมและสรุปรายงานผลโครงการ/กิจกรรมเสนอฝ่ายบริหารทราบ
3. สถานศึกษาสามารถบอกเล่าถึงวิธีปฏิบัตินั้นได้ว่า
“ทำอะไร” (what)
“ทำอย่างไร” (how) และ”ทำไม จึงทำ หรือ ทำไมจึงไม่ทำ” (why)
“ทำอะไร” (what)
โรงเรียนคลองกุ่ม (เสรีไทย อนุสรณ์)
ได้ดำเนินการจัดการศึกษากิจกรรมนอกหลักสูตร
กิจกรรมงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ (11 งานอาชีพ) ให้กับนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 โดยใช้ทักษะงานอาชีพควบคู่กับการจัดการเรียนการสอนด้านวิชาการ
ทักษะงานอาชีพเป็นสิ่งต้องมีการพัฒนาให้เจริญและเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาและชุมชน
ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง (Change) ทำให้เกิดความก้าวหน้า (Progress) และเติบโตเต็มที่ (Growth)
ด้วยเหตุผลดังกล่าวโรงเรียนตระหนักและเห็นความสำคัญของงานอาชีพจึงดำเนินการดังนี้
1.
กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงานงานอาชีพตามกลุ่มสนใจทั้งเรื่อง
ของผลผลิต (Outputs) และผลลัพธ์ (Outcomes) และตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน
2.
กำหนดเป้าหมาย (Targets) และวัตถุประสงค์ (Objectives) ไว้ล่วงหน้า
3.
มุ่งเน้นการบริหารทรัพยากรและกระบวนงานให้สอดคล้องกับความประหยัด
(Economy) ประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness)
ความประหยัด หมายถึง
การใช้ต้นทุนหรือทรัพยากรน้อยที่สุดในการดำเนินกิจกรรมหรือการผลิต
ความมีประสิทธิภาพ หมายถึง
การปฏิบัติงานที่ได้ผลผลิตมากกว่าปัจจัยนำเข้า
ความมีประสิทธิผล หมายถึง
ระดับการบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
“ทำอย่างไร” (how)
1.
วางแผน กำหนดทิศทางโดยรวมว่าจะทำอะไร
อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องของการวาง
ยุทธศาสตร์หรือแผนกลยุทธ์ เพื่อวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในสถานศึกษา
(SWOT
Analysis) หรือวิสัยทัศน์ (Vision)
อันจะนำไปสู่การกำหนดพันธกิจ (Mission) วัตถุประสงค์ (Objective) เป้าหมาย (Target) และกลยุทธ์การดำเนินงาน (Strategy) รวมทั้งพิจารณาปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จของสถานศึกษา และสร้างตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน
(Key Performance Indicators) ในด้านต่าง ๆ
2.
กำหนดรายละเอียดของตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน
เมื่อผู้บริหารสถานศึกษาได้ทำการ
ตกลงจัดกิจกรรมนอกหลักสูตร
“งานอาชีพตามกลุ่มสนใจ” (11
งานอาชีพ) เริ่มดำเนินการสำรวจ เพื่อหาข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับสภาพในปัจจุบัน
(Baseline Data)
เพื่อนำมาช่วยกำหนดความชัดเจนของเป้าหมายทั้งในเชิง ปริมาณ (Quantity) คุณภาพ (Quality) เวลา (Time)
และสถานที่หรือความครอบคลุม (Place)
3.
วัดและตรวจสอบผลการดำเนินงาน เช่น
รายสัปดาห์ รายเดือน รายเทอม หรือรายปี
เป็นต้น
เพื่อแสดงความก้าวหน้าและผลของการดำเนินงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่
อย่างไร
นอกจากนี้ทางโรงเรียนจัดให้มีคณะบุคคลเพื่อตรวจสอบผลการดำเนินงานของ
“งานอาชีพตามกลุ่มสนใจ 11
งานอาชีพ” ที่สถานศึกษากำหนด
4.
การให้รางวัลตอบแทน
หลังจากที่ได้พิจารณาผลการดำเนินงานแล้ว ผู้บริหารต้องมีการ
ให้รางวัลตอบแทนตามระดับของผลงาน
นอกจากนี้อาจจะมีการให้ข้อเสนอแนะหรือกำหนดมาตรการ
บางประการเพื่อให้การปรับปรุงผลงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ทำไมจึงทำ หรือ ทำไมจึงไม่ทำ” (why)
ผลจากการดำเนินงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ ผลจากการปฏิบัตินั้นเป็นไปตามองค์ประกอบข้อกำหนดของการพัฒนาเชิงระบบ
งานอาชีพตามกลุ่มสนใจ คือ
โครงการที่ทางโรงเรียนคลองกุ่ม (เสรีไทย อนุสรณ์) ดำเนินการ
จัดทำเพื่อส่งเสริมพัฒนา แก้ไข นักเรียน
ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล –
ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้นำการพัฒนาเชิงระบบมาใช้ในการดำเนินการจัดการเรียนการสอนงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ
ดังนี้ ระบบ คือ
ภาพส่วนรวมของโครงสร้างหรือของขบวนการอย่างหนึ่งที่มีการจัดระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่าง
ๆ ที่รวมกันอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนการสอนงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ
ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) |
ผลสัมฤทธิ์ (RESULTS) |
โครงการ/กิจกรรม |
วัตถุประสงค์OBJECTIVES |
ปัจจัยนำเข้าINPUT
|
กิจกรรม
PROCESSES
|
ผลผลิต
OUTPUTS
|
ผลลัพธ์
OUTCOME
|
การจัดการเรียนการสอนอาชีพตามกลุ่มสนใจ
ได้นำวิธีระบบมาใช้โดยมีการวางแผนและดำเนินการต่าง ๆ
เพื่อให้บรรลุผลตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ โดยคำนึงถึงองค์ประกอบ 4 ประการ
1.
วัตถุดิบ (Input)
2.
กระบวนการ (Process)
3.
ผลผลิต (Output)
4.
การตรวจผลย้อนกลับ (Feedback)
ซึ่งองค์ประกอบทั้ง
4 ส่วนนี้จะมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ดังภาพ และทางโรงเรียนได้
จัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้อย่างประหยัดและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์
เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เช่น
ปรับปรุงห้องต่าง ๆ เพื่อจัดเป็นแหล่งเรียนรู้งานอาชีพตามความสนใจ ได้แก่
ห้องขนมไทย ห้องขนม-อบ ห้องงานช่างพื้นฐาน ห้องงานประดิษฐ์
ฯลฯปรับสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนเพื่อเอื้อต่อการเรียนรู้
เปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เป็นต้น โดยนำลักษณะสำคัญของวิธีระบบมาใช้ในการดำเนินงาน
คือ
1.
เป็นการทำงานร่วมกันของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน
2.
แก้ปัญหานักเรียนทั้งด้านการจัดการเรียนการสอนโดยการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์
3.
ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเหมาะสม
4.
แก้ปัญหาใหญ่ โดยแบ่งออกเป็นปัญหาย่อย ๆ
เพื่อสะดวกในการแก้ปัญหา เช่น นักเรียนส่วนใหญ่
ของโรงเรียนคลองกุ่ม
(เสรีไทย อนุสรณ์) มีทักษะด้านงานอาชีพพื้นฐานอยู่ในระดับต่ำ ทางโรงเรียนจึงแก้ปัญหาโดยการจัดการเรียนการสอนงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ
(11
งานอาชีพ) เป็นต้น
5.
จัดการเรียนการสอนงานอาชีพตามกลุ่มสนใจจริง
และเป็นที่ยอมรับทั้งภายในและภายนอก
สถานศึกษา
5. วิธีปฏิบัตินั้น
สามารถระบุได้ว่าเกิดจากปัจจัยสำคัญที่ชัดเจน และปัจจัยนั้นก่อให้เกิดการปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องและยั่งยืน
โรงเรียนคลองกุ่ม (เสรีไทย อนุสรณ์)
ได้กำหนดวิธีปฏิบัติ สามารถระบุปัจจัยที่สำคัญและชัดเจน
เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ (11 งานอาชีพ)
ดังนี้
1.
สำรวจความต้องการของผู้เรียนตามความเหมาะสมของบริบทและท้องถิ่น
2.
นำข้อมูลมาวิเคราะห์ (SWOT) เพื่อวางแผนดำเนินการจัดทำหลักสูตรด้านงานอาชีพตาม
กลุ่มสนใจ
3.
จัดทำหลักสูตรเพื่อฝึกอาชีพพื้นฐานตามความสนใจของผู้เรียน
4.
จัดหาแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา
5.
การสร้างเสริมประสบการณ์อาชีพ
โดยจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดทักษะพื้นฐานที่
จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพ
และเตรียมพร้อมสู่การประกอบอาชีพตามความสนใจและความถนัด
6.
ติดตาม กำกับ และประเมินผล
7.
ส่งต่อหรือจัดหาสถานประกอบการ
6. วิธีปฏิบัตินั้นให้กระบวนการจัดการเรียน (KM) เช่น
การเล่าเรื่อง (Storytelling)
ในการถอดบทเรียนจากการดำเนินการ
โรงเรียนคลองกุ่ม (เสรีไทย
อนุสรณ์) ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ (11 งานอาชีพ) โดยนำกระบวนการจัดการเรียนการสอน (KM)
มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ดังนี้
การบริหารความรู้ (Knowledge Management : KM) เป็นเทคนิคการบริหารเกี่ยวกับการนำความรู้ในตัวคน
ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถจับต้องได้ (Intangible Asset)
มาใช้ประโยชน์ในองค์การให้มีประสิทธิภาพและส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ร่วมกัน มีการแบ่งปันหรือถ่ายทอดต่อกัน
ผู้บริหาร บุคลกรทางการศึกษาของโรงเรียนคลองกุ่ม (เสรีไทย อนุสรณ์)
ในฐานะที่เป็นสถาบันแห่งการเรียนรู้
มีการพัฒนาส่งเสริมให้บุคคลในองค์การมีวัฒนธรรมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มุ่งเน้นแนวคิดในการจัดการความรู้
3 ประเด็น คือ
1.
นำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนในการจัดเก็บความรู้ให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น
และ
สามารถนำความรู้ออกมาใช้ทันเหตุการณ์และสามารถ่ายทอดความรู้ต่อกันได้สะดวก
2.
การจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และเทคนิคในการถ่ายทอดประสบการณ์
ความรู้ที่มาจากในตัวบุคคล (Tacit Knowledge) เพื่อให้เกิดความรู้ที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Explicit Knowledge) เช่น การจัดกิจกรรมงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ (11 งานอาชีพ)
เป็นการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ
จากวิทยากรผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญเฉพาะด้านถ่ายโยงองค์ความรู้จากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่ง
(ผู้เรียนหรือกลุ่มบุคคลที่มีความสนใจงานอาชีพ) จนเกิดเป็นความรู้
ทักษะที่ยั่งยืนตลอดชีวิต จัดทำหลักสูตรงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ (11 งานอาชีพ) อันเกิดจากความรู้ที่เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นต้น
3.
ร่วมกันสร้างพฤติกรรมการเรียนรู้ในลักษณะการแข่งขันการถ่ายทอดและการสร้างสรรค์
ความรู้ เช่น
นักเรียนคิดสร้างสรรค์งานประดิษฐ์จากเศษผ้าหรือวัสดุเหลือใช้
(งานอาชีพตามกลุ่มสนใจงานประดิษฐ์), นักเรียนคิดสร้างสรรค์เมนูอาหารว่างและน้ำดื่มสมุนไพรที่แตกต่างจากกระบวนการจัดการเรียนการสอน
(กลุ่มงานอาชีพอาหารว่างและเครื่องดื่มสมุนไพร)
นักเรียนสามารถต่อยอดทางความคิดหลังจากได้รับความรู้จากการจัดดารเรียนการสอนงานอาชีพตามความสนใจ
(11 งานอาชีพ) นักเรียนสามารถนำความรู้จากการเรียนการสอนไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
หารายได้ เช่น กลุ่มงานอาชีพขนมไทย ขนมอบและ เบเกอรรี่ ตัดผม/เสริมสวย เป็นต้น
จากการที่ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มงานอาชีพตามความสนใจ
ทำให้นักเรียนมีคุณลักษณะ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน สามารถแก้ปัญหา
และแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง มีทักษะกระบวนการคิดมีกระบวนการในการทำงาน
มีความสามารถในการเป็นผู้นำและผู้ตามในการทำงาน
มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่โรงเรียนกำหนด
ทำให้โรงเรียนผ่านการประเมินและได้รับการรับรองจาก สมศ.รอบสาม ผลการดำเนินการโครงการงานอาชีพตามกลุ่มสนใจ
(11
งานอาชีพ) นักเรียนมีความพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 87.34 นักเรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจและมีทักษะพื้นฐานด้านงานอาชีพ สามารถนำไปปฏิบัติและปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้และเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักเรียนในการประกอบอาชีพต่อในอนาคต ผู้ปกครองให้การสนับสนุนและมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการเรียนการสอน
ส่งผลให้โรงเรียนได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนเข้าร่วมจัดนิทรรศการทางวิชาการโรงเรียนเครือข่ายที่
25 และโรงเรียนเครือข่ายที่
26 และได้รับเกียรติร่วมจัดนิทรรศการ โครงการ
Greeny Healthy Market ตามพันธกิจการสร้างเสริมสุขภาพของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.) ณ โรงเรียนประภาส
สำนักงานเขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร