สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร
Department of Education
นวัตกรรมการส่งเสริมสุขภาวะด้วยกระบวนการโรงเรียนคุณธรรม
โรงเรียนราชบพิธ
กระบวนการพัฒนา

โรงเรียนราชบพิธเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จัดการศึกษาในระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษา ประกอบด้วยหลักสูตรปฐมวัย หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตร สองภาษา (ไทย จีน) และหลักสูตรการศึกษาพิเศษเรียนร่วม มีจำนวนนักเรียน 300 คน ผู้บริหาร ครู และบุคลากร รวมทั้งสิ้น 30 คน มีพื้นที่จำกัดในพื้นที่ 3 งาน 74 ตารางวา ทางโรงเรียนได้จัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแบ่งเป็นห้องเรียน ห้องปฏิบัติการที่มีความพร้อมด้านสื่อการเรียนการสอนและเทคโนโลยีดิจิทัล และมีพื้นที่บริเวณใต้อาคารสำหรับจัดกิจกรรม โครงการต่าง ซึ่งค่อนข้างน้อย สภาพชุมชนเป็นชุมชนแออัดอาชีพหาเช้ากินค่ำ รอบบริเวณโรงเรียนเป็นร้านค้าและแผงลอย ผู้ปกครองไม่มีเวลาที่จะดูแลบุตรหลานได้อย่างทั่วถึง

โรงเรียนราชบพิธ มุ่งจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กให้มีพัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ จิตใจ สังคม และด้านสติปัญญาซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาและนโยบายการจัดการศึกษาของกรุงเทพมหานคร โดยมีคำขวัญประจำโรงเรียนคือ "สุขภาพดี มีปัญญา วิชาการเด่น เน้นคุณธรรม" ส่งผลให้บรรยากาศภายในโรงเรียนเต็มไปด้วยกิจกรรมที่ส่งเสริมทั้งด้านสุขภาพกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ควบคู่ไปกับการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนานักเรียนแบบองค์รวม โดยเฉพาะด้านสุขภาวะควบคู่กับคุณธรรม จึงได้มีแนวคิดในการส่งเสริมสุขภาวะนักเรียนด้วยกระบวนการโรงเรียนคุณธรรม ซึ่งเป็นแนวทางที่เน้นการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ของเด็ก โดยมีหลักการและกิจกรรมที่เน้นการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในโรงเรียน เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ โดยใช้กระบวนการโรงเรียนคุณธรรม

ปัจจุบันปัญหาสุขภาวะในวัยเด็กเป็นเรื่องที่สำคัญและมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณา ทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต อารมณ์ สังคมและด้านสติปัญญา จากผลการประเมินสุขภาวะนักเรียนของโรงเรียนราชบพิธ  ปีการศึกษา 2566 พบว่า นักเรียนมีดัชนีมวลกาย (BMI) เกินเกณฑ์มาตรฐาน มีน้ำหนักเกินจำนวนร้อยละ 20 ประกอบกับโรงเรียนราชบพิธได้เข้าร่วมโครงการห้องเรียนดิจิทัล ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ได้ใช้คอมพิวเตอร์และระบบดิจิทัล ทำให้พบปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ดิจิทัล ดังนี้ ปัญหาด้านสุขภาพร่างกาย พฤติกรรมเนือยนิ่ง ปัญหาสายตาจากการใช้หน้าจอเป็นเวลานาน ปัญหากระดูกและกล้ามเนื้อจากท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาด้านสุขภาพจิต ความเครียดและความวิตกกังวล โดยเฉพาะการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น การเสพติดเทคโนโลยี ความรู้สึกโดดเดี่ยว จากการประเมินสุขภาวะทางด้านจิตใจ อารมณ์ ประเมินโดยใช้แบบประเมิน EQ พบว่านักเรียนที่มีความผิดปกติทางด้านอารมณ์ ร้อยละ 0.80 ปัญหาด้านพฤติกรรมและการเรียนรู้: ความสามารถในการจดจ่อลดลง พฤติกรรมก้าวร้าว ปัญหาด้านความปลอดภัย: การถูกกลั่นแกล้งออนไลน์ (Cyberbullying) การถูกล่อลวงออนไลน์ (Online Predators) จากการประเมินสุขภาวะทางด้านสังคม ประเมินโดยใช้แบบประเมิน SDQ พบว่า นักเรียนมีความผิดปกติทางด้านสังคม ร้อยละ 8.23 การประเมินสุขภาวะทางด้านสติปัญญา ประเมินโดย การประเมินการอ่าน การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ และสรุปความ พบว่า นักเรียนมีผลการประเมินเฉลี่ย อยู่ในระดับร้อยละ 70.88

เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาวะของนักเรียนที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป โรงเรียนราชบพิธจึงเลือกที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้กระบวนการโรงเรียนคุณธรรมเป็นแนวทางในการพัฒนาสุขภาวะซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ในการสร้างภูมิคุ้มกันจากความเสี่ยงในยุคดิจิทัล การเสริมสร้าง สุขภาวะที่ดีจะช่วยให้นักเรียนมีภูมิคุ้มกันจากปัญหาและความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การส่งเสริมสุขภาพกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาควบคู่กัน เป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาวะนักเรียนจะช่วยให้นักเรียนมีสุขภาพกายที่แข็งแรง และมีสุขภาพจิตที่ดี สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาว 


ผลจากการปฏิบัติ

นักเรียนเกิดความตระหนักในเรื่องของสุขภาพทั้งด้านร่างกาย ด้านจิตใจ อารมณ์ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา เกิดการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา มีความรับผิดชอบและจิตสาธารณะมากขึ้น เรียนรู้การทำงานเป็นทีมและการประสานงานร่วมกับผู้อื่น เกิดความภาคภูมิใจในผลงานของตนเอง ส่วนครูและบุคลากร ได้แนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้านคุณธรรมที่ส่งเสริมให้เกิดสุขภาวะที่มีประสิทธิภาพ เกิดเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูผู้สอน และในเดือนกันยายน 2567 ได้ประเมินสุขภาวะของนักเรียนโรงเรียนราชบพิธ ครั้งที่ 2 โดยการเก็บรวบรวมผลการคัดกรองสุขภาวะของนักเรียน ได้ข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาวะของนักเรียนเพื่อใช้ในการพัฒนา สุขภาวะทางด้านร่างกาย ประเมินโดย การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง พบว่ามีนักเรียนน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ร้อยละ4.50 มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ร้อยละ 5.00 การประเมินสุขภาวะทางด้านจิตใจ อารมณ์ ประเมินโดยใช้แบบประเมิน EQ พบว่านักเรียนทีมีความผิดปกติทางด้านอารมณ์ ร้อยละ 0.60 การประเมินสุขภาวะทางด้านสังคม ประเมินโดยใช้แบบประเมิน SDQ พบว่า นักเรียนมีความผิดปกติทางด้านสังคม ร้อยละ 4.00 และสุขภาวะทางด้านสติปัญญา ประเมินโดย การประเมินการอ่าน การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ และสรุปความ พบว่า นักเรียนมี ผลการประเมินเฉลี่ย อยู่ในระดับ ร้อยละ 86.70 ซึ่งสามารถสรุปได้ว่านักเรียนมีสุขภาวะในทุกด้านสูงขึ้น

เพื่อเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทางโรงเรียนได้จัดประชุมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความรู้และเทคนิคใหม่ๆ ในการดูแลสุขภาวะนักเรียน           มีแนวทางการพัฒนาสุขภาวะแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เกิดกิจกรรมที่ส่งเสริมการดูแลสุขภาพควบคู่กับการพัฒนาคุณธรรม มีระบบและวิธีการประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ มีการติดตามพัฒนาการด้านสุขภาวะของนักเรียนมีการนำผลการประเมินมาใช้ในการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง เกิดเครือข่ายการทำงานร่วมกันระหว่างครูผู้รับผิดชอบ เกิดการแลกเปลี่ยนเกิดการประสานงานระหว่างโรงเรียน หน่วยงานสาธารณสุข และชุมชน มีการแลกเปลี่ยนทรัพยากรและความช่วยเหลือระหว่างเครือข่าย สร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายการดูแลสุขภาวะนักเรียน และได้ทำการประเมินสุขภาวะของนักเรียนโรงเรียนราชบพิธ ครั้งที่ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยการเก็บรวบรวมผลการคัดกรองสุขภาวะของนักเรียน ได้ข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาวะของนักเรียนเพื่อใช้ในการพัฒนา สุขภาวะทางด้านร่างกาย ประเมินโดย การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง พบว่ามีนักเรียนน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 3.30 มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ร้อยละ 4.75 การประเมินสุขภาวะทางด้านจิตใจ อารมณ์ ประเมินโดยใช้แบบประเมิน EQ พบว่านักเรียนทีมีความผิดปกติทางด้านอารมณ์ ร้อยละ 0.48 การประเมินสุขภาวะทางด้านสังคม ประเมินโดยใช้แบบประเมิน SDQ พบว่า นักเรียนมีความผิดปกติทางด้านสังคม ร้อยละ 3.23 และสุขภาวะทางด้านสติปัญญา ประเมินโดย การประเมินการอ่าน การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ และสรุปความ พบว่า นักเรียนมีผลการประเมินเฉลี่ย อยู่ในระดับร้อยละ 89.67 ซึ่งสามารถสรุปได้ว่านักเรียนมีสุขภาวะในทุกด้านสูงขึ้น รวมถึงนักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม เป็นไปตามคุณธรรมเป้าหมายของโรงเรียน คือ ความกตัญญู ความรับผิดชอบ และจิตสาธารณะ นอกจากนั้นยังพบว่าเกิดคุณธรรมระหว่างการดำเนินงานเพิ่มขึ้นซึ่งสังเกตได้ชัดเจน ได้แก่ ความซื่อสัตย์ และความเสียสละ และนักเรียนพฤติกรรมที่ยั่งยืน โดยเห็นได้จาก การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันในโรงเรียน โดยนักเรียนได้ปฏิบัติโครงงานคุณธรรมได้ด้วยตนเอง รับผิดชอบโครงงานคุณธรรมได้เป็นอย่างดีตลอดปีการศึกษา 2567 นักเรียนมีการออกกำลังกายมากขึ้น นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ลดลง นักเรียนมีระเบียบวินัย ปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียนลดลง นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม นักเรียนรู้หน้าที่ มีจิตสาธารณะ จนทำให้ผู้ปกครองและชุมชนหรือผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมโรงเรียนให้การยอมรับ ยกย่อง และให้การชื่นชมอยู่เสมอ

ปัจจัยที่ส่งผลให้โครงการประสบความสำเร็จมีดังนี้

การบริหารจัดการที่ดี ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียนให้ความสำคัญกับโครงการ บริหารจัดสรรงบประมาณที่ได้รับให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้บริหารเป็นแบบอย่างในการดูแลสุขภาวะตนเองและการมีคุณธรรม การสร้างขวัญกำลังใจและการยกย่องชมเชย ครูแกนนำและนักเรียนแกนนำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ การรวมพลังของข้าราชการครูและบุคลากร 30 คน ในการร่วมวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบครูแกนนำและนักเรียนแกนนำมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรม โดยเฉพาะโครงงานคุณธรรมทั้ง 20 โครงงาน ผู้ปกครองให้ความร่วมมือในการสังเกตและส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีด้านสุขภาวะของนักเรียนที่บ้าน ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษาและร่วมกิจกรรม นอกจากนั้นพบว่าโรงเรียนมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และวัดผลได้ มีการวางแผนที่รอบคอบ - แผนงานที่ละเอียด ครอบคลุมทุกด้าน รวมถึงการคาดการณ์ความเสี่ยงและแผนสำรอง ทีมงานที่มีความสามารถ - บุคลากรที่มีทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ที่เหมาะสมกับโครงการ ภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพ - ผู้นำโครงการที่มีวิสัยทัศน์ สามารถสร้างแรงจูงใจและแก้ปัญหาได้ มีการสื่อสารที่ดี มีการสื่อสารที่ชัดเจน สม่ำเสมอ ทั้งภายในทีมและกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทรัพยากรที่เพียงพอ - งบประมาณ เครื่องมือ และทรัพยากรที่จำเป็นต้องมีพร้อมและเพียงพอ มีการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ - การกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมและจัดการตามกำหนดการ มีการติดตามและควบคุม มีระบบการติดตามความคืบหน้าและควบคุมคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ มีการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง มีระบบการติดตามที่ชัดเจนและต่อเนื่อง โดยมีการประเมินสุขภาวะทั้ง 3 ครั้ง ใช้ข้อมูลจากการประเมินมาปรับปรุงกิจกรรมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การถอดบทเรียนร่วมกันทำให้เห็นจุดแข็งและโอกาสในการพัฒนา

สิ่งที่สำคัญในการทำให้กิจกรรมประสบผลสำเร็จ คือการใช้รูปแบบการดำเนินการโรงเรียนคุณธรรม 4+6 Model คือ ทุกคนในโรงเรียนได้ร่วมกันทำ ทั้งนักเรียน ครู บุคลากร ผู้ปกครอง โดยช่วยกันระดมความคิดซึ่งเป็นความต้องการในการแก้ไขปัญหาจากผู้ปฏิบัติ มีการทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ รวมถึงการสร้างการรับรู้และการยอมรับจากทุกฝ่าย ทั้งผู้บริหาร ครู นักเรียนและผู้ปกครอง มีการสร้างครูแกนนำและนักเรียนแกนนำ กำหนดคุณธรรมเป้าหมายของโรงเรียน ได้แก่ ความกตัญญู ความรับผิดชอบ และจิตสาธารณะ นอกจากนั้นยังพบว่าเกิดคุณธรรมระหว่างการดำเนินงานเพิ่มขึ้นซึ่งสังเกตได้ชัดเจน ได้แก่ ความซื่อสัตย์ และความเสียสละ โดยผ่านโครงงานคุณธรรมที่นักเรียนได้ร่วมกันคิดทั้ง 20 โครงงานที่ส่งเสริมสุขภาวะนักเรียน ซึ่งผลจากการดำเนินโครงงานคุณธรรม ทำให้นักเรียนมีคุณธรรมทั้ง 5 เรื่องซึ่งเป็นคุณธรรมพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข ที่มีสุขภาวะที่ดีขึ้นทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญา จากก่อนการดำเนินกิจกรรม

การขยายผลความสำเร็จ

การขยายผลภายในโรงเรียน โดยการบูรณาการสุขภาวะองค์รวมเข้ากับทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ สร้างหลักสูตร "สุขภาวะและคุณธรรม" จัดตั้ง "ศูนย์พัฒนาสุขภาวะนักเรียน" เป็นแหล่งเรียนรู้และให้คำปรึกษาแก่นักเรียนฝึกอบรมนักเรียนแกนนำรุ่นใหม่เพื่อสานต่อกิจกรรม นำรูปแบบ รูปแบบการดำเนินการโรงเรียนคุณธรรม 4+6 Model ไปใช้ในกิจกรรมประจำวันของโรงเรียน

การขยายผลสู่โรงเรียนเครือข่าย ได้จัดประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับโรงเรียนในเครือข่าย 10 โรงเรียน เป็นพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนที่สนใจนำรูปแบบ 4+6 Model ไปประยุกต์ใช้ จัดทำคู่มือการพัฒนาสุขภาวะนักเรียนโดยใช้กระบวนการโรงเรียนคุณธรรมเผยแพร่สู่โรงเรียนอื่นๆ

การขยายผลสู่ชุมชน ได้จัดกิจกรรม "ครอบครัวสุขภาวะดี" เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการดูแลสุขภาวะองค์รวมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานในชุมชน เช่น วัด ศูนย์บริการสาธารณสุข และสำนักงานเขตพระนคร ในการจัดกิจกรรมรณรงค์เรื่องสุขภาวะองค์รวม เผยแพร่ผลงานและแนวปฏิบัติที่ดีสู่สาธารณะผ่านช่องทางออนไลน์ของโรงเรียน

การขยายผลสู่นโยบาย ได้นำเสนอรูปแบบความสำเร็จต่อสำนักงานเขตพระนครเพื่อพิจารณาเป็นแนวปฏิบัติสำหรับโรงเรียนในสังกัด

ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาต่อยอด

การพัฒนาด้านหลักสูตร ควรมีการพัฒนาหลักสูตรบูรณาการ "สุขภาวะและคุณธรรม" ที่ครอบคลุมทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ออกแบบกิจกรรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาสุขภาวะองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม พัฒนาระบบการวัดและประเมินผลด้านสุขภาวะองค์รวมที่มีประสิทธิภาพ

การพัฒนาด้านบุคลากร ควรมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาครูให้มีทักษะการให้คำปรึกษาด้านสุขภาวะองค์รวมแก่นักเรียน สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ด้านการพัฒนาสุขภาวะนักเรียน ส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนเกี่ยวกับการพัฒนาสุขภาวะองค์รวมของนักเรียน

การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ควรมีการพัฒนาแอพลิเคชันเพื่อติดตามและประเมินสุขภาวะองค์รวมของนักเรียน สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้คำปรึกษาด้านสุขภาวะ ใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์แนวโน้มสุขภาวะของนักเรียนเพื่อการป้องกันปัญหา

การพัฒนาด้านเครือข่าย ควรมีการขยายเครือข่ายความร่วมมือไปยังหน่วยงานด้านสุขภาพและสถาบันการศึกษา สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการสนับสนุนทรัพยากรและการพัฒนานวัตกรรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับโรงเรียนต้นแบบด้านการพัฒนาสุขภาวะในระดับชาติ

การพัฒนาด้านความยั่งยืน ควรมีการสร้างกลไกการขับเคลื่อนที่ไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นระบบที่ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องบรรจุแนวทางการพัฒนาสุขภาวะองค์รวมเข้าในแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาระยะยาว พัฒนาให้เป็นอัตลักษณ์ของโรงเรียนที่นักเรียน ครู และผู้ปกครองให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง



เอกสารเพิ่มเติม :[ดาวน์โหลดเอกสาร]