?1.
ประชุมวางแผนการดำเนินงานตามโครงการ
2.
ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ครูและบุคลากรเกี่ยวกับการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพผ่านการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน
(Lesson Study) ด้วยรูปแบบการสอบแบบ Active Learning โดยมีการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้แบบ 5 STEPS ซึ่งประกอบด้วยการดำเนินการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพใน
3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้น Plan Do See โดยมีผู้อำนวยการสถานศึกษา
ศึกษานิเทศก์ และผู้เชี่ยวชาญเป็นวิทยากรให้ความรู้ ซึ่งกระบวนการเรียนรู้แบบรวมพลัง
5 ขั้นตอน เรียกสั้น ๆ คือ Collaborative 5
STEPs เป็นแนวการสอนหนึ่งของการเรียนรู้เชิงรุก
( Active Learning ) เน้นให้รู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตัวเองรวมทั้งประยุกต์ความรู้ได้บนฐานวิธีการทางวิทยาศาสตร์
นักเรียนมีการปฏิบัติกิจกรรมแบบทำงานกลุ่มรวมพลัง
โดยทุกคนร่วมด้วยช่วยกันเด็กเก่งช่วยเด็กเรียนช้ากว่า
เด็กถนัดกว่าช่วยเด็กถนัดน้อยเพื่อให้มีความสุขในการเรียน
บทบาทของผู้เรียนเป็นผู้เรียนรู้ (Learner) ส่วนบทบาทของครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก
(Facilitator) โดยมีลักษณะเด่น หรือลักษณะเฉพาะดังนี้ คือ
1) เป็นแนวการสอนอยู่บนฐานวิธีการทางวิทยาศาสตร์
เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
2) หลังการสร้างความรู้แล้ว
ครูต้องมีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนนำความรู้แล้วครูต้องมีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนนำความรู้ไป
หรือประยุกต์ความรู้ได้ผลงาน/ภาระงานไปตอนแทนสังคม
3) เป็นการจัดการเรียนรู้เน้นการทำงานกลุ่มแบบรวมพลัง
เด็กร่วมมือช่วยเหลือกันและกัน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันความเสมอภาคกัน
4)
วิธีสอนสำคัญที่ใช้ใน Collaborative 5 STEPs คือ
(1) วิธีสอนแบบสืบสอบ (2) วิธีสอนแบบโครงงาน
(3) วิธีสอนต่าง ๆ ที่ในการเรียนรู้ที่ใช้กิจกรรมเป็นฐาน
เช่น เกม กรณีตัวอย่าง บทบาทสมมติ สถานการณ์จำลอง ใช้ประเด็นทางสังคม เป็นต้น
5) เทคนิคสำคัญที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้แนวนี้ คือ
(1) เทคนิคพัฒนาการคิด เช่น การใช้คำถามการใช้ผังกราฟิก
การใช้ใบกิจกรรมการใช้พหุปัญญา เป็นต้น (2) การใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Co-operative Learning) โดยเฉพาะ
Think-pair-share, Team-pair-solo, Pair-Discussion,Peer to
Peer,Peertutoring,Peer assessment, round robin, Rally table เป็นต้น
แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบรวมพลังกลุ่มที่มาร่วมตัวกันอาจ
2 คน หรือ 4 คนต่อ 1 กลุ่ม ที่มีการคละเพศ คละความสามารถ ความสนใจและคละความสามารถ (เก่ง กลาง
อ่อน) ทำงานร่วมมือกันแบบคนเก่งช่วยสอนคนที่อ่อน หรือเรียนรู้ช้า
คนที่มีความสามารถปานกลางก็ร่วมด้วยช่วยกันจนงานสำเร็จและทุกคนบรรลุเป้าหมายเดียวกัน
ถ้าเป็นการเรียนรู้ก็พบว่าเด็กอ่อนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้น
เด็กปานกลางก็มีการพัฒนาสูงขึ้นเช่นกัน
อันเป็นการแสดงความร่วมใจร่วมพลังในการเรียนรู้ร่วมดันเพื่อให้เด็ก ๆ
มีความเท่าเทียมกัน บรรลุตามมาตรฐานที่กำหนดจงใช้หลักให้เด็กช่วยเหลือกันและกัน
“คนเก่งอาสาเรียนช้าขอร้อง”
ในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบรวมพลัง 5 ขั้นตอนมีรายละเอียด ดังนี้
1. ขั้นเสนอสิ่งเร้าและระบุคำถามอย่างร่วม เป็นขั้นตอนที่ทำให้ผู้เรียนสงสัย (ask) จากสิ่งเร้า
สมองเกิดภาวะสมดุล (disequilibrium) มีการทบทวนประสบการณ์เดิมของผู้เรียน
( elicitprior knowledge) คือ การคาดคะเนคำตอบ
หรือตั้งสมมติฐาน หรือจินตนาการคำตอบ
คำตอบอาจไม่ถูกต้องหรือผิดหรือเป็นมโนทัศน์คลาดเคลื่อนก็เป็นได้ซึ่งครูไม่มีการเฉลยคำตอบ
โดยมีเทคนิคการคาดคะเนคำตอบ คือ 1) ให้ตอบคำถามเป็นรายบุคคล 2)
ให้ตอบเป็นทีม
2. ขั้นแสวงหาสารสนเทศและวิเคราะห์อย่างรวมพลัง
เป็นขั้นสำคัญเพื่อพิสูจน์สมมติฐานเพื่อหาคำตอบของคำถามสำคัญโดยครูอาจออกแบบให้
หรือครูกับผู้เรียนร่วมกันวางแผน หรือผู้เรียนวางแผนเอง
ครูออกแบบการเก็บข้อมูลสารสนเทศให้เอง ด้วยการสร้างสื่อการเรียนรู้ เช่น
ใบกิจกรรมใบงาน ใบทดลอง รวมทั้งใบความรู้ และอาจใช้ใบสรุปความรู้แจกให้ผู้เรียน
3. ขั้นอภิปรายและสร้างความรู้ เป็นขั้นสื่อความหมายข้อมูลหลังจากการวิเคราะห์ข้อมูล โดยผู้เรียนมีโอกาสเสนอหน้าชั้นเรียน
ผู้เรียนมีแปลความหมายข้อมูล เพื่อการสรุปผล/สร้างความรู้ด้วยตัวนักเรียนเอง
มีการสะท้อนความคิดกัน และแต่ละกลุ่มปรับแก้ไขความรู้ที่สร้างขึ้นเอง
ครูเชื่อมโยงความรู้ที่ผู้เรียนสร้างไปยังความรู้ที่ถูกต้อง
และเป็นขั้นที่ครูอาจให้ทำแบบฝึกหัดเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและทักษะต่าง ๆ
4. ขั้นสื่อสารและสะท้อนคิดอย่างรวมพลัง เป็นชั้นผู้เรียนนำเสนอความรู้และการเรียนรู้ที่ได้จากการสร้างความรู้ด้วยความเข้าใจหน้าชั้น
รวมทั้งผลงาน ตลอดจนกระบวนการสร้างความรู้ติดที่ผนัง
หรือกระดานหน้าชั้นเรียนด้วยหลัก 3 p วางแผนการพูด( Planning)
ซ้อม/เตรียม (Preparation) นำเสนอหน้าชั้นเรียน ( Presentation)
พร้อมฝึกการสร้างบุคลิกภาพภายในและบุคลิกภาพนอกขณะนำเสนออย่างมั่นใจและมีคุณภาพจากนั้นให้มีการสะท้อนคิด
ข้อดี ข้อเด่น และสิ่งอยากรู้
5. ขั้นประยุกต์และตอบแทนสังคม เป็นขั้นที่ผู้เรียนร่วมด้วยช่วยกันแบบรวม
พลังประยุกต์ความรู้ หรือนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่ เช่น
ในชีวิตการเรียนในสาระอื่น ๆ ในครอบครัวในชุมชนทำให้ได้ชิ้นงานใหม่/ภาระงานใหม่
การสร้างชิ้นงานเรียงตามลำดับง่ายไปหายาก ดังนี้
1) รายงาน การบอกเล่า
การถ่ายทอดความรู้ (Extension) 2) ผลงานระดับคิดริเริ่ม
หรือผลงานนำความรู้ประยุกต์ในสถานการณ์ใหม่ (Invention) และ 3)
รายงานโครงงานประเภทต่าง ๆ (Innovation)
โดยสรุปการเรียนรู้แบบรวมพลัง
5 ขั้นตอน เป็นแนวการสอนที่ครูสามารถนำวิธีสอนต่าง ๆ
เทคนิคการสอนที่เสริมสร้างการคิด เทคนิคการสอนที่เสริมสร้างการทำงานร่วมกัน
การช่วยเหลือกันอย่างมีน้ำใจต่อกัน อีกทั้งเทคนิคการคิดเพื่อให้เกิดความเสมอภาค
ได้ผลการเรียนรู้เป็นภาพมาตรฐานการเรียนรู้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ทิ้งเด็กคนใดไว้
3.
ประชุมครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อวางแผนในการกำหนดทีม
PLC ในการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน
ในแต่ละทีมประกอบไปด้วยครูผู้สอน (Model Teacher) เพื่อนครู
(Buddy Teacher) และผู้อำนวยการสถานศึกษา (Administrator)
กำหนดปฏิทินและตารางการทำ Lesson Study 1 ในปีการศึกษา 2564
4.
ดำเนินงานตามแผน โดยทีม PLC
ปฏิบัติการ Lesson Study 1
(LS 1) ใน 3 ขั้นตอน ได้แก่
- ขั้น Plan เป็นกระบวนการทำงานแบบร่วมมือรวมพลังของทีม PLC
ในการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้
และใช้สุนทรียสนทนาในการพูดคุยกันเพื่อให้ได้แผนการจัดการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ในการนำไปใช้
ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ครูผู้สอน (Model Teacher) ตกผลึกความคิดในการที่จะนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้อย่างมั่นใจ
เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning โดยมุ่งเป้าหมายที่การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ
- ขั้น Do เป็นขั้นตอนที่ครูผู้สอน (Model
Teacher) นำแผนการจัดการเรียนรู้แบบ 5 STEPS ไปใช้จัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน
โดยมีเพื่อนครู (Buddy Teacher) และผู้อำนวยการสถานศึกษา (Administrator)
ปฏิบัติหน้าที่ในการร่วมสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนในชั้นเรียน
พร้อมทั้งบันทึกจุดเด่น จุดที่ควรพัฒนา และสภาพการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นตามสภาพจริงในชั้นเรียน
ด้วยการจดบันทึก การถ่ายภาพ หรือถ่ายคลิปวีดิโอ
โดยไม่เข้าไปให้คำแนะนำหรือรบกวนการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนโดยเด็ดขาด
- ขั้น See หรือ Reflection เป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นภายหลังการจัดการเรียนการสอนไม่เกิน
1 สัปดาห์ ทีม PLC จะร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้ของผู้เรียนในชั่วโมงเรียน
และให้ข้อคิดเห็นสะท้อนกลับ เพื่อให้ครูผู้สอน (Model Teacher) นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ในการปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
รวมถึงนำบทเรียนที่ได้รับไปใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกันเพื่อนครู (Buddy Teacher) และ
ผู้อำนวยการสถานศึกษา (Administrator) ก็จำได้รับบทเรียนที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพของการบริหารและการปฏิบัติงานในการส่งเสริมการเรียนรู้และการปฏิบัติงานของครูด้วยเช่นเดียวกัน
5. การประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การทำ LS 1 ในวันประชุมประจำเดือนของโรงเรียน
ซึ่งผู้อำนวยการ
สถานศึกษาจะเป็นประธานในการประชุม และเปิดโอกาสให้ทีม PLC ทุกทีมในโรงเรียนได้นำเสนอมุมมอง
ความคิดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในภาพรวมของทั้งโรงเรียน
6.
ทีม PLC ปฏิบัติการ Lesson Study 2
(LS 2) ถึง Lesson Study 3 (LS 3) ในลักษณะเดียวกับ
Lesson Study 1 (LS 1) ตามตารางที่กำหนด
7. ครูผู้สอนจัดทำรายงานเป็นรูปเล่ม สรุปผลการเรียนรู้จากการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน
(Lesson Study)
กระบวนการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson Study)
ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นวิเคราะห์(Analyze) เป็นการวิเคราะห์แบบรวมพลังในเนื้อหาที่จะจัดการเรียนรู้และวิเคราะห์ตัวชี้วัดมาตรฐานการเรียนรู้
ครูที่ทำหน้าที่ MT และ ครูที่ทำหน้าที่
BT วิเคราะห์ผู้เรียนหลักสูตรรายวิชาบริบทของสถานศึกษาและสร้างแบบแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง
Co-5 Steps
ขั้นที่ 2 การวางแผนการจัดการเรียนรู้ (Plan)
1) จัดสถานที่เพื่อดำเนินการโดยมีบุคคลเข้าร่วมกลุ่ม
PLC ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์
ครูที่ทำหน้าที่วิชาการ ครูที่ทำหน้าที่ MT ครูที่ทำหน้าที่ BT และผู้สังเกตการณ์
2) ครูที่ทำหน้าที่ MT นำเสนอแผนการจัดการเรียนรู้ต่อกลุ่ม
PLC
3) กลุ่ม PLC ให้ข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง
ๆ เช่น
- ความเหมาะสมและความถูกต้องของจุดประสงค์การจัดการเรียนรู้ครอบคลุมทั้ง
K P A หรือไม่
- การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
- การประเมินมีความหลากหลายสอดคล้องกับกิจกรรมตรงตามจุดประสงค์
- ความเหมาะสมของสื่อการสอน
แหล่งเรียนรู้กับสาระที่สอน
- การบริหารจัดการเวลา
4) ครูที่ทำหน้าที่ MT และ
ครูที่ทำหน้าที่ BT บันทึกและประเมินแผนการจัดการเรียนรู้
ตามข้อเสนอแนะ
ขั้นที่ 3 ขั้น Do & See
1) ครูที่ทำหน้าที่ MT จัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ครูที่ทำหน้าที่
BT สังเกต
การจัดการเรียนรู้ในประเด็นต่าง ๆ
เช่น
- การจัดการเรียนรู้บรรลุตามจุดประสงค์การเรียนรู้ครบทั้งด้านความรู้
ทักษะกระบวนการ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์และเจตคติหรือไม่
- ผู้เรียนได้เรียนรู้ครบทุกคนหรือไม่
และมีผู้เรียนที่ไม่ได้เรียนรู้เพราะเหตุใด
- สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนคืออะไร
- พฤติกรรมการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของผู้เรียนเป็นอย่างไร
- ครูที่ทำหน้าที่ MT สอนตามแผนที่วางไว้หรือไม่
- ความเหมาะสมของสื่อและแหล่งเรียนรู้กับสาระที่สอน
- มีการประเมินที่หลากหลายเหมาะสมและสอดคล้องกับกิจกรรมรวมทั้งตรงตามจุดประสงค์
การเรียนรู้หรือไม่
- การบริหารจัดการเวลาในการจัดการเรียนรู้แบบ Co-5
Steps เป็นอย่างไร
2) ผู้สังเกตการณ์ในการจัดการเรียนรู้เน้นสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน
เช่น การมีส่วนร่วม
ในการทำกิจกรรม สีหน้าท่าทางการ ตอบคำถาม
ไม่เน้นสังเกตการสอนของครู
3) การบันทึกข้อมูลและการถ่ายภาพ/ วีดิโอ
- บันทึกข้อมูลตามลำดับ
- การถ่ายวีดิโอ สามารถจับปฏิกิริยาของผู้เรียนได้ดีที่สุด
ในการสะท้อนความสนใจของผู้เรียนที่มีต่อ
การจัดการเรียนของครูและไม่เผยแพร่ทางสังคมออนไลน์
4) ขณะที่ครูที่ทำหน้าที่ MT กำลังจัดการเรียนรู้ผู้สังเกตการณ์ต้องไม่พูดคุยกับผู้เรียนหรือผู้อื่น
ไม่ยืนบังครูและผู้เรียนที่กำลังเรียน
ขั้นที่ 4 ขั้นสะท้อนคิด Reflact และการปรับปรุง
การสะท้อนคิด reflact
รวมพลังสะท้อนคิดด้วยการสนทนาแบบสุนทียสนทนา ควรใช้การพูดที่เน้นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
เน้นการชมเชยเพื่อพัฒนา โดยเน้นที่ผลลัพธ์ของนักเรียนและเพิ่มเติมแผนการจัดการเรียนรู้ให้มีความสมบูรณ์โดยมีขั้นตอน
คือ
1) สะท้อนการจัดการเรียนรู้
- ครูที่ทำหน้าที่ MT สะท้อนการจัดการเรียนรู้ของตนเองประมาณ
2-3 นาที
- ครูที่ทำหน้าที่ BT สะท้อนการจัดการเรียนรู้ของครูที่ทำหน้าที่
MT
- ทีม PLC ได้แก่ศึกษานิเทศก์ผู้บริหารสถานศึกษา
ครูฝ่ายวิชาการ สะท้อนการจัดการเรียนรู้ของครู
ที่ทำหน้าที่ MT
- ผู้สังเกตการณ์แสดงความคิดเห็นสิ่งที่ได้รับและการนำไปใช้ประโยชน์
2) ประเด็นในการสะท้อนคิดสำหรับกลุ่ม PLC
หลังจากการสังเกต
- ผู้เรียนเรียนรู้หรือไม่
- เหตุที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน
- แก้ปัญหาผู้เรียนที่ไม่ได้เรียนรู้อย่างไร
- การบริหารเวลาในแต่ละช่วงของการจัดการเรียนรู้
- การจัดการชั้นเรียนและการเสริมแรงผู้เรียน
3) ครูที่ทำหน้าที่ MT นำข้อเสนอแนะที่ได้ไปปรับปรุง
ขั้นที่ 5 Redesign เป็นขั้นที่ชุมชนแห่งการเรียนรู้นำข้อมูลจากการสะท้อนคิดแบบรวมพลัง
มาแนะนำให้ผู้สอนปรับแผนการจัดการเรียนรู้ในฉบับนั้นและแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบของการเขียนแผน
โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหม่เพื่อแก้ปัญหานักเรียนให้ได้ผลลัพธ์ตามกำหนด
8. จัดกิจกรรมสัมมนาวิชาการ ให้ครูแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ (Symposium)
ทั้งในระดับโรงเรียนและในเครือข่ายโรงเรียนเดียวกัน
1.
นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
2.
โรงเรียนมีคะแนนเฉลี่ย RT
ป.1 รวม
2 ด้าน ผ่านระดับสังกัด ระดับประเทศ
3.
โรงเรียนมีคะแนนเฉลี่ย NT
ป.3 รวม
2 ด้าน ผ่านระดับสังกัดและระดับประเทศ
4.
โรงเรียนมีคะแนนเฉลี่ย O-NET
ป.6 ผ่านระดับสังกัด ระดับประเทศรายวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ด้านครูสอน
1.
สร้างความเป็นเพื่อนร่วมงานของครูและมีการทำงานแบบร่วมมือรวมพลังผ่านการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน
2.
ครูมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนานักเรียนรวมไปถึงการแก้ปัญหาด้านนอื่น
ๆ เช่น ปัญหาพฤติกรรมของนักเรียน
3. ครูพัฒนาทักษะการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ
ด้วยการวิเคราะห์ตัวชี้วัดในมาตรฐานการเรียนรู้และเข้าใจแก่นของเนื้อหาสาระ
ที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างแท้จริง
4. ครูมีความมั่นใจในการสอนมากขึ้นที่สำคัญ คือ
ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะมีเพื่อนช่วยคิด
ความสัมพันธ์ระหว่างครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกัน ต่างกลุ่ม ต่างระดับชั้น
เพิ่มความเป็นกัลยาณมิตรระหว่างเพื่อนร่วมการปฏิบัติงาน
5. ครูเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลง
6) มีความกระตือรือร้น มีวิธีการจัดการเรียนรู้อย่างหลากหลาย
และเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
7) มีสื่อ นวัตกรรมที่หลากหลาย
เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยพยายามผลิตสื่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ
8)
มีวิธีการวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้
9) สามารถปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน
ด้านผู้เรียน
1) มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ สนใจในการเรียน
สนุกกับการเรียน
2) ทำงานแบบร่วมมือรวมพลัง
เป็นผู้เรียนเชิงรุกจากการที่ทุกคนต้องได้ลงมือปฏิบัติ และร่วมแสดงความคิดเห็น
รู้จักค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง และสร้างความรู้
3) กล้าแสดงออก
4) มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันโดยผ่านกระบวนการกลุ่ม
5) ให้ความร่วมมือต่อการจัดการเรียนรู้
6) มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้
7)
รู้จักแบ่งปันมีการช่วยเหลือกันระหว่างผู้เรียนกลุ่มเก่งและกลุ่มอ่อน
ด้านผู้บริหารสถานศึกษา
1. ผู้บริหารสื่อสารและการทำงานแบบร่วมมือแบบรวมพลังอย่างใกล้ชิดมากขึ้นมีความเป็นกันเอง
ทำงานแบบกัลยาณมิตร
2. ผู้บริหารได้พัฒนาบทบาทของการเป็นผู้นำทางวิชาการและวิชาชีพ
เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยความร่วมมือร่วมใจของครูและบุคลากรทุกคน
ส่งผลให้สามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพบรรลุตามเป้าหมายของสถานศึกษาและตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร
3. เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนร่วมมือรวมพลัง
เป็นผู้ร่วมเรียนรู้ พูดคุยกันแบบสุนทรียสนทนา เปิดใจที่จะรับฟังกันมากขึ้น
และช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการปฏิบัติงาน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จากการดำเนินกิจกรรมปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอนด้วยกระบวนการ
PLC พบว่า
ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ
ได้เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ และยังได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย
ในส่วนของครูผู้สอนมีเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนร่วมกัน (ร่วมคิด ร่วมทำ
ร่วมสร้าง) เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ยกระดับความสามารถครูในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้
ยกระดับความสามารถครูในการพัฒนานวัตกรรม
และครูมีนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
ด้านโรงเรียน พบว่า เกิดระบบการทำงานที่เข้มแข็ง จะเห็นได้ว่า ในการทำ PLC เป็นการแลกเปลี่ยนการจัดการเรียนรู้ และช่วยเหลือกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร
ทั้งนี้ หัวใจหลักสำคัญในการทำ PLC คือ
การพูดคุยสื่อสารร่วมกันภายในองค์กร
การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นและมีความเชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนมีศักยภาพและสามารถพัฒนาได้
การทำงานเป็นทีม และมีที่ปรึกษาที่คอยให้คำแนะนำ เติมเต็มในการพัฒนาการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
ตลอดจนการสร้างเครือข่ายของสถานศึกษา เครือข่ายของเพื่อนครู ในการร่วมแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ร่วมกัน โดยคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียน ครู
และโรงเรียน
การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับและ/หรือรางวัลที่ได้รับ
การเผยแพร่กิจกรรม PLC
ซึ่งจะมีการเผยแพร่ โดยการนำเสนอผลงานในการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดจากนวัตกรรมการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
ตลอดจนการเผยแพร่กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ PLC ในรูปแบบ Online ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ Facebook โรงเรียน
Group Line ห้องเรียน เป็นต้น
การได้รับการยอมรับ : คณะครู ผู้ปกครอง
นักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาตลอดจนชุมชนมี
ความพึงพอใจต่อการดำเนินการโครงการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
ซึ่งช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET
) ผลการทดสอบ RT NT ได้เป็นอย่างดี
และเห็นผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนได้จริง